ในปี 2569 ที่กำลังจะมาถึง “เอไอเอ ประเทศไทย” ผู้นำวงการประกันชีวิตอันดับต้นของประเทศไทย กำลังก้าวขึ้นสู่ปีที่ 88 พร้อมกางแผนเกมรุกโดยเฉพาะตลาดประกันสุขภาพที่วันนี้ยึดหัวหาดด้วยมาร์เกตแชร์สูงถึง 50% และแน่นอนว่า เราจะได้เห็นการออกแคมเปญต่างๆพร้อมเสิร์ฟลูกค้าอย่างคุ้มค่าคุ้มใจ
“เอกรัตน์ ฐิติมั่น” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจประกันสุขภาพ บริษัท เอไอเอ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ฉายภาพของแนวโน้มประกันสุขภาพและการปรับตัวเพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรม ว่า ตลาดประกันสุขภาพในประเทศไทยยังเติบโตได้อีกมากในระยะข้างหน้า เนื่องจาก
1 ปัจจุบันคนไทยถือประกันสุขภาพค่อนข้างน้อยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วตลาดในไทยยังมีโอกาสโตได้อีกมาก
2 ตลาดประกันสุขภาพของไทยยังดูแลบางกลุ่มได้ไม่ดีนัก คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่ยังเข้าถึงประกันสุขภาพไม่ค่อยได้เต็มที่ อาจติดเงื่อนไขโรคที่เคยเป็นมาก่อน โรคเรื้อรัง เป็นต้น ทำให้ไม่สามารถซื้อประกันสุขภาพได้ และอีกตลาด คือ กลุ่มเด็ก ที่บริษัทประกันเลือกเสิร์ฟน้อยลงด้วยหลายๆเหตุผลโดยเฉพาะเรื่องของเบี้ยประกันเพราะฉะนั้น หากหาวิธีการดูแลสุขภาพของ 2 กลุ่มนี้ได้ ก็ทำให้ตลาดประกันสุขภาพยังมีโอกาสเติบโตได้อีกเยอะ
3 Longevity หรือ การมีอายุยืนยาวและสุขภาพดี เนื่องจากมีนวัตกรรมทางการแพทย์ต่างๆออกมาทำให้คนมีอายุยืนยาวมากขึ้น ตัวนี้ถือเป็นความท้าทายและเป็นโอกาสในการเขียนแบบประกันสุขภาพ ซึ่งที่ผ่านมาออกมาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความคุ้มครองการรักษามากกว่าแต่ไม่ค่อยไปถึงการป้องกัน (Prevention) เช่นการให้ความคุ้มครองไปถึงเรื่องฉีดวัคซีน ยิ่งตอนนี้มีนวัตกรรมทางการแพทย์มากมายที่อาจช่วยให้คนมีอายุยืนยาวได้มากขึ้น ท้ายที่สุดแบบประกันสุขภาพต่อไป จะทำให้คนเข้าถึง Longevity และ Prevention ได้มากขึ้น หากทำตรงนี้ได้จะส่งผลโดยตรงต่อตลาดประกันสุขภาพเติบโตอีกมา
4 Medical Innovation ความก้าวหน้าทางการแพทย์เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยคุณได้จริงๆในอนาคตจะทำอย่างไรให้มี Framework แก่คนทำประกันสามารถเข้าถึงนวัตกรรมทางการแพทย์ได้มากขึ้น และในขณะเดียวกันเราสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ด้วย ถ้าทำตรงนี้ได้เป็นโอกาสที่จะทำให้ประกันสุขภาพเติบโตไปได้อีกมาก
“จะมองเห็นว่าเรายังมีอะไรที่ทำได้อีกเยอะเลยที่จะขยายตลาดประกันสุขภาพให้โตขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม โอกาส(ในการเติบโต) ก็มากับความท้าทาย”
ความท้าทายอย่างแรก คือ ความโปร่งใส ที่ส่งผลต่อความเชื่อใจและความมั่นใจของผู้บริโภคในการทำประกันสุขภาพ ทุกวันนี้จะเห็นการพูดถึงประกันว่า ไม่แฟร์ ทำประกันแล้วเคลมก็ไม่ได้ การเอากำไรเกินควรมีการปรับเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาของทั้งอุตสาหกรรมประกัน ควรทำอย่างไรให้ผู้บริโภคเข้าใจและเชื่อใจบ้างและการปรับเบี้ยเกิดจากอะไร
ความท้าทายอย่างที่สอง คือ Medical Inflation หรือเงินเฟ้อทางการแพทย์ ที่เกิดจากค่าบริการการรักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งปัจจุบันสังคมไทยเข้าสู่ผู้สูงวัย ซึ่งผู้สูงวัยจะมากับการเจ็บป่วยโรคเรื้อรังโรคร้ายแรง ซึ่งพอเข้าใจได้ แต่ยังพบว่า มีกลุ่มที่ใช้ทรัพยากรทางการแพทย์ที่เกินความจำเป็นอย่าง กลุ่มที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย
@ ต่อยอด AIA SMART NETWORK เติมเต็มสิทธิประโยชน์
บริษัทจึงได้ทำโครงการ AIA SMART HOSPITAL NETWORK เพื่อเชื่อมต่อโรงพยาบาล ลูกค้า เอไอเอ โดยเอไอเอ ทำงานอย่างใกลชิดร่วมกันกับโรงพยาบาลในเครือข่ายที่ผ่านการคัดเลือกคุณภาพการรักษาและบริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ 151 แห่งและโรงพยาบาลรัฐกว่า 1,000 แห่ง
ผลลัพธ์โครงการ AIA SMART HOSPITAL NETWORK ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทพิจารณาเคลมประกันสุขภาพในแต่ละวันเฉลี่ยมากกว่า 10,000 เคลมต่อวัน และ 93%ของเคลมผู้ป่วยนอกผ่านโรงพยาบาลในเครือข่าย ได้รับการอนุมัติรวดเร็วภายใน 18 วินาที ส่วนระยะเวลาเฉลี่ยในการพิจารณาเคลมผู้ป่วยนอกอยู่ต่ำกว่า 90 วินาที ขณะที่ 34% ของเคลมผู้ป่วยใน ได้รับการอนุมัติภายใน 1 นาที ส่วนระยะเวลาเฉลี่ยในการพิจารณาเคลมผู้ป่วยในอยู่ต่ำกว่า 33 นาที สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ เอไอเอ ในการดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด
โครงการนี้เป็นกลยุทธ์แบบ win-win ทุกฝ่าย ที่สำคัญสร้างความเชื่อใจกันระหว่างบริษัทและโรงพยาบาล ถ้าแพทย์ยืนยันว่า ลูกค้าจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลตามมาตรฐานทางการแพทย์ เอไอเอก็พร้อมรับฟังและอนุมัติการเคลมเพื่อลดข้อโต้แย้ง และอีกข้อดี คือ ช่วยชะลอการเพิ่มค่าใช้จ่ายการแพทย์และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน เอไอเอ ได้พัฒนาระบบนิเวศน์ ( Ecosystem) เพิ่มเติมของ โครงการ AIA SMART HOSPITAL NETWORK เพื่อลูกค้าเอไอเอได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษในการเพิ่มความคุ้มครองเกี่ยวกับการเพิ่มผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 20% และเพิ่มจำนวนวันค่าห้องและค่าแพทย์สูงสุดไม่เกิน 365 วัน รวมไปถึงเรื่องการอนุมัติเคลมไวภายในไม่กี่วินาที การอนุมัติล่วงหน้า และยังช่วยลดปัญหาการปฏิเสธเคลมด้วย ที่สำคัญ ช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบค่าใช้จ่ายล่วงหน้าได้รวมถึงมีแพ็กเกจราคาพิเศษสำหรับการรักษา(ตามเงื่อนไข)
“เมื่อเดือนพฤศจิกายน เราได้สร้าง Ecosystem เพิ่มอีกค่อนข้างเยอะ พวกสิทธิประโยชน์การเพิ่มความคุ้มครองให้แก่ลูกค้ารายเดี่ยว ซึ่ง AIA SMART HOSPITAL NETWORK สำคัญมากทำให้เราสามารถควบคุมเรื่องราคาของค่ารักษาพยาบาลได้อย่างเหมาะสมและสร้าง Ecosystem ได้ดีโดยเฉพาะไม่ต้องสำรองจ่าย และถ้าอยู่ในเครือโรงพยาบาลของเรา เอไอเอดูแลให้หมด แต่ถ้านอกเครือข่ายโรงพยาบาล หากมี Co-Payment ลูกค้าก็ต้องจ่าย “
ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย มีลูกค้าประกันสุขภาพ 2.1 ล้านคน ลูกค้าประกันกลุ่ม 7,500 องค์กร ภายใต้แบบประกันสุขภาพ 68 แบบ ส่วนตัวแทนประกันมีจำนวน 55,000 คน
@ เพิ่มทางเลือกเสิร์ฟประกันกลุ่ม เน้นโตยั่งยืน
ในส่วนของลูกค้าประกันกลุ่ม เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ได้เปิดตัวแบบประกัน GHS SMART PRO ที่จะใช้บริการในเครือข่าย SMART HOSPITAL NETWORK ซึ่งจะเป็นตัวช่วยชะลอการเพิ่มเบี้ยประกันรายปีให้แก่นายจ้างได้ดี ทำให้แบบประกันนี้ได้รับเสียงตอบรับค่อนช้างดี เพราะ HR สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าแผนประกันแบบทั่วไป
“เอไอเอ ค่อนข้างระวังเรื่องการรับประกันกลุ่ม เพราะการแข่งขันราคา(เบี้ย)ค่อนข้างสูง เราเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ทำให้สามารถควบคุม lost Ratio ได้ดีขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบอุตสาหกรรมมี lost Ratio สัดส่วนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 15% ไปถึง 40% ทุกปีเบี้ยประกันกลุ่มเพิ่มขึ้นมหาศาล เพราะพนักงานใช้กันเต็มที่โดยเฉพาะช่วงปลายปีก่อนหมดอายุและมีการเอายามากกว่าที่จำเป็น และยังพบมีการจ่ายโรคเรื้อรังเยอะขึ้น เบาหวาน เป็นความท้าทายของประกันกลุ่ม”
สิ่งที่เสนอทางออกให้องค์กร คือ การเจรจากับนายจ้างถึงการปรับเพิ่มเบี้ย การคุยถึงประเด็นพนักงานเบิกเกินความจำเป็น รวมไปถึงการให้ทางออกแก่องค์กรนายจ้าง เช่น กรณีการเพิ่มเบี้ยปีละ 20% ทุกปีอาจเป็นไปไม่ได้หากค่าใช้จ่ายมีสัดส่วนมากกว่า จะเสนอแบบแผนประกันกลุ่มให้เลือก การใส่เงื่อนไข Co-Payment เข้าไป เป็นต้น
@ ปี 69 ตลาดแข๋งดุ-เบี้ยขึ้น AIA เจาะ Segment ใหม่
นายเอกรัตน์ กล่าวย้ำว่า เป้าหมายของเอไอเอ ไม่เน้นการทำสงครามราคาเพื่อเอามาร์เกตแชร์ แต่เน้นการสร้างอีโคซีสเต็มเพื่อให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
“ชลิดา นครชัย” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “เราหวังว่า เอไอเอ ขยับเมื่อไหร่ คู่แข่งจะไปเหมือนกับเรา เราทำแบบนี้เพื่อการเติบโตของตลาดประกันสูขภาพที่ยั่งยืน จริงๆ ปัจจุบัน เบี้ยประกันสุขภาพทั้งเอไอเอ และคู่แข่งทุกราย ถือว่าราคาถูกมาก เพราะแบบประกันที่ออกมาตั้งแต่ค่ารักษาพยาบาลยังถูกอยู่ เราออกมา 5 ปียังไม่ได้ปรับเบี้ยเลย”
ในปี 2569 เอไอเอปรับตัวเพื่อสร้างการเติบโตตลาดประกันสุขภาพ โดยจะเน้นหาลูกค้า Segment ใหม่ๆที่อยู่กึ่งกลางระหว่างกลุ่มที่ต้องการความคุ้มครองมาก และกลุ่มที่ไม่ได้ต้องการความคุ้มครองที่เป็นพวกเจ็บป่วยเล็กน้อยแต่จะเน้นคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยหนัก และอีกกลุ่ม เป็นลูกค้าที่อยากซื้อประกันสุขภาพแต่ซื้อไม่ได้ เป็นต้น
“ปีหน้า ประกันสุขภาพยังโตได้อีก เพราะตลาดยังมีความต้องการยังมีสูง แต่ความท้าทายคือฝั่งบริษัทประกัน เป็นเรื่องของเบี้ย ซึ่งแบบประกันใหม่จะไม่มีทางถูกลงและไม่มีทางจะเปิด(ความคุ้มครอง)ให้หมด ประกันใหม่อาจมีเงื่อนไขเยอะและราคา(เบี้ย)สูงขึ้น ขณะที่การปรับเพิ่มค่าเบี้ยจะแรงแค่ไหน ขึ้นกับ Segment ยกตัวอย่าง ประกันเด็กที่เบี้ยราคาถูก ปีหน้าจะมีการปรับที่ขึ้นกับงื่อนไขความคุ้มครอง การมี Co-payment deductible(ความรับผิดชอบส่วนแรก) เป็นต้น”
@ตลาดประกันสุขภาพโตต่อเนื่อง
“เอกรัตน์” กล่าวเพิ่มเติมว่า การมี Co-payment และ deductible ในประกันสุขภาพ ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี แต่ต้องคิดว่า การทำประกันสุขภาพเป็นเครื่องมือช่วยลดค่าใช้จ่ายเมื่อต้องมีการรักษาตัวเกิดขึ้น โดยไทยเริ่มใช้ Co-payment สำหรับประกันสุขภาพรายบุคคลที่เริ่มเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ยังไม่เห็นภาพรวมว่ามีจำนวนเยอะหรือไม่ แต่ในส่วนของเอไอเอ จำนวนลูกค้าที่ถูก Co-payment มีน้อยมาก”
สำหรับแนวโน้มการเติบโตประกันสุขภาพในปีหน้า เอไอเอคาดว่าจะไม่สูงแต่จะไม่ถึง 2 digis (ไม่ถึง10%) เนื่องจากปีนี้โตแรงจากช่วงต้นปีที่มีแรงซื้อเข้ามาสูงในช่วงก่อนเริ่มใช้ Co-payment