ผู้ถือหุ้น LEO โหวตผ่านมติจ่ายเงินปันผล 0.14 บาท มั่นใจผลงานปีนี68 โตต่อเนื่อง ลุยยุทธศาสตร์ “LEO Go Green” สร้างการเติบโตของอัตรากำไรขั้นต้น ดันผลงานเติบโต 20-25%
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล หุ้นละ 0.14 บาท ซึ่งเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจในทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท เรามั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2568 จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง ตามแผนยุทธศาสตร์ “LEO Go Green” ที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น และขยายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics รวมบริการด้าน Distribution Center /Warehouse ให้เติบโต 15 - 20% ได้ตามเป้า”
สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ขึ้นเป็น 30-35% ของรายได้รวม โดยบริษัทมีแผนต่อยอดการให้บริการด้าน Distribution Center / Warehouse รวมถึงการให้บริการโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจใหม่ๆ
หนึ่งในแผนการสำคัญของ LEO ในปี 2568 คือการพัฒนาระบบขนส่งรถไฟจีน-ไทย ด้วยตู้ Reefer Containers ให้เป็นระบบแบบขนส่ง Round trip มีสินค้าขาไปและขากลับ ระหว่างประเทศจีน-ไทย โดย LEO จะเป็นผู้จัดหาสินค้าส่งออกจากประเทศไทยมายังจีน และทางฝ่ายจีนก็จะช่วยหาสินค้าส่งออกจากประเทศจีนกลับมายังประเทศไทย
นายเกตติวิทย์เน้นย้ำว่า LEO เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการขนส่งสินค้าทางรางจากไทย ผ่านประเทศลาวจนถึงเมืองคุนหมิง และขยายการส่งต่อสินค้าไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน ทำให้บริษัทฯ สามารถให้บริการขนส่งทางรางได้อย่างครบวงจร รองรับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกผลไม้ สินค้าเกษตร และสินค้าอื่นๆ
LEO มีเป้าหมายให้การขนส่งทางรางเป็นกุญแจสำคัญในการขยายตลาดจีน และคาดว่าปริมาณการขนส่งผลไม้ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย LEO ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่สามารถให้บริการขนส่งผลไม้ทางรางไปยังประเทศจีนได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางในไทยจนถึงปลายทางในเมืองต่างๆ ของจีน ซึ่ง LEO เชื่อมั่นว่า ปี 2568 รายได้และกำไรขั้นต้นของบริษัทจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาจากการขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างประเทศไทยกับจีน รวมทั้งธุรกิจของ Non - Logistics Business จะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดแน่นอน
“เรามั่นใจว่าด้วยการขยายตัวทางธุรกิจในหลายมิติ ทั้งการขนส่งทางราง ธุรกิจ Non-Freight และการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยเสริมฐานรายได้ และผลักดัน LEO ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว” นายเกตติวิทย์ กล่าว