Public Relation

KTAM ร่วมส่งเสริมการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี  ปล่อย 3 กองทุน “Thai ESGX” IPO 2 – 8 พ.ค.นี้
1 พ.ค. 2568

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพราะนอกจาก ThaiESG เดิมแล้ว เรายังได้สิทธิประโยชน์เพิ่มจาก Thai ESGX ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนระยะยาวเพิ่ม และเพื่อเป็นการรองรับการโอนจากกองทุน LTF อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายของตลาดทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทย แต่เรามองว่าตลาดหุ้นไทยในตอนนี้อยู่ในช่วงค่อนข้างลึกและอยู่ในช่วงสร้างฐานใหม่ การลงทุนในเวลานี้จึงนับว่าเป็นจังหวะที่ดีของการลงทุน นอกจากนี้ กองทุน Thai ESGX ยังเป็นหนึ่งในกลไกในการสร้างตลาดทุนไทยให้มีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะนำไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจที่ดีด้วยเช่นกัน

 

บริษัทฯ ได้เปิดเสนอขายกลุ่มกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thailand ESG Extra Fund: Thai ESGX) จำนวน 3 กองทุน แบ่งเป็นชนิด Class D สำหรับเงินลงทุนใหม่ และชนิด Class L สำหรับเงินลงทุนที่สับเปลี่ยนจาก LTF โดยเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 2 – 8 พ.ค. 68 และเปิดให้นักลงทุนที่ต้องการสับเปลี่ยนจาก LTF สามารถสับเปลี่ยนได้ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. – 30 มิ.ย. 68 นี้เท่านั้น โดยทั้ง 3 กองทุนจะมีทั้งประเภทกองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย และกองทุนรวมผสมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์อื่นๆ รวมถึงสินทรัพย์ในต่างประเทศเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยกองทุนทั้งหมดมีการบริหารกองทุนแบบเชิงรุก (Active Management) ประกอบด้วย

 

กองทุนเปิดกรุงไทย อิควิตี้ พลัส 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (KTEQ70PLUSX)  (ระดับความเสี่ยง 5) เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนใน SET และ mai โดยเน้นบริษัทที่มีความโดดเด่นด้าน ESG โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 70% ของ NAV และตราสารหนี้ ESG โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินกว่า 30% ของ NAV โดยผู้จัดการกองทุนอาจพิจารณานำเงินบางส่วนไปลงทุนในต่างประเทศหรือสินทรัพย์อื่นๆ ตามดุลพินิจผู้จัดการกองทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกิน 20% ของ NAV เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ ปานกลางค่อนข้างสูง และผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนบางส่วนไปยังตราสารหนี้

 

กองทุนเปิดกรุงไทย อิควิตี้ พลัส ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (KTEQPLUSX) (ระดับความเสี่ยง 6) เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนใน SET และ mai โดยเน้นบริษัทที่มีความโดดเด่นด้าน ESG โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศหรือสินทรัพย์อื่นๆ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกิน 20% ของ NAV ตามดุลพินิจผู้จัดการกองทุน เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง และผู้ที่ต้องการหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์อื่น หรือในต่างประเทศเพิ่มขึ้น

 

และกองทุนเปิดกรุงไทย หุ้นปันผล ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (KTEQDIVX) (ระดับความเสี่ยง 6) เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนใน SET และ mai ที่มีปัจจัยพื้นฐาน ผลการดำเนินงานที่ดี มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดี สมํ่าเสมอ และ/หรือ มีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลในอนาคต โดยเน้นบริษัทที่มีความโดดเด่นด้าน ESG โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยจะเน้นลงทุนในประเทศเท่านั้น เหมาะกับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง และผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทยในกลุ่ม ESG ที่ประวัติการจ่ายปันผลที่ดี

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดโปรโมชันสำหรับกลุ่มกองทุน Thai ESGX ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. - 30 มิ.ย. 2568 นี้ โดยผู้ลงทุนที่ลงทุนใหม่ หรือผู้ลงทุนที่สับเปลี่ยนจาก LTF ไปยังกองทุน Thai ESGX ทุก ๆ ยอดเงินลงทุนสุทธิ 50,000 บาท และคงยอดเงินลงทุนสุทธิไว้ถึงวันที่ 30 เม.ย. 2569 จะได้รับหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส (KTSTPLUS) (ความเสี่ยงระดับ 4) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก หรือตราสารเทียบเท่า ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่สามารถลงทุนได้ โดยเฉลี่ยอายุไม่เกิน 1 ปี จำนวน 100 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) ศึกษาข้อมูลโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่ โปรโมชันสำหรับชนิดเงินลงทุนใหม่ https://bit.ly/4jxdAHH ชนิดสับเปลี่ยน LTF https://bit.ly/4jSXKH0

 

สำหรับกองทุน Thai ESGX ผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ แบ่งเป็น 2 วงเงิน ได้แก่ วงเงินลดหย่อนที่ 1 คือ เงินลงทุนใหม่ที่ลงทุนภายในเดือน พ.ค. - มิ.ย. 68 นี้ โดยใช้สิทธิลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุด 300,000 บาท และต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปี (นับวันชนวันตั้งแต่วันที่ลงทุน)

 

วงเงินลดหย่อนที่ 2 คือ เงินที่สับเปลี่ยนจากกองทุน LTF เดิม ภายใน พ.ค. - มิ.ย. 68 นี้เช่นกัน สูงสุด 500,000 บาท แบ่งเป็น    ปี 2568 ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท และปีที่ 2-5 คือ ปี 2569 - 2572 สูงสุดได้ไม่เกินปีละ 50,000 บาท และต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปี (นับวันชนวัน ตั้งแต่วันที่รายการสับเปลี่ยนมีผล) ทั้งนี้ นักลงทุนที่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในวงเงินลดหย่อนที่ 2 นี้ จะต้องสับเปลี่ยนหน่วย LTF ที่ถือครองของทุกกองทุน ทุกบลจ. ที่มีอยู่ทั้งหมด ณ สิ้นวันที่ 11 มี.ค. 68 ไปยัง Thai ESGX ทั้งหมดภายในระยะเวลาที่กำหนด

 

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือธนาคารกรุงไทยและผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (ถ้ามี) หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn

 

ปัจจัยความเสี่ยงของกลุ่มกองทุน Thai ESGX ที่สำคัญ : ความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาตราสาร ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้าน ESG ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของตราสาร ความเสี่ยงจากการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง ความเสี่ยงจากการลงทุนใน Digital Token ความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของการลงทุน และความเสี่ยงด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษี

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com