Economies

กรุงศรี  คอนซูมเมอร์   ลั่นโค้งท้ายปีนี้ แรงส่งไฮซีซั่น และงัดกลยุทธ์ตลาดบัตรฯ  ปั๊มยอดใช้จ่ายแตะ 4 แสนล้าน หลัง 9 เดือนยอดแผ่ว
6 พ.ย 2568

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เผยธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลยังคงมีแนวโน้มเติบโตช้า ผลประกอบการ ณ สิ้นสุดไตรมาส 3 มียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 422,800 บัญชี, ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร286,300 ล้านบาท, ยอดสินเชื่อใหม่ 68,400 ล้านบาท และยอดสินเชื่อคงค้าง 134,300 ล้านบาท  ชี้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่าย ลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย ในช่วงไตรมาสสุดท้ายมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง โดยเน้นปรับจุดขายผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและขยายฐานลูกค้าต่อเนื่องพร้อมปรับกลยุทธ์การตลาดและวิธีทำโปรโมชัน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุน รักษาระดับผลการดำเนินงาน คาดภายในปี 2568 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 400,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่ 94,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อคงค้าง 143,000 ล้านบาท

 

นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (บัตรเครดิต กรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์, บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน และบัตรเครดิตโลตัส)  เปิดเผยว่า  แนวโน้มธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลยังคงเติบโตช้าจากสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอลง, ภาระหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่สูง, รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงไม่ฟื้นตัว อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสที่ 4 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวและจับจ่าย ประกอบกับมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส, เที่ยวดีมีคืน ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและกำลังซื้อในระบบ โดยเฉพาะในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคและการท่องเที่ยว ส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมธุรกิจ และจากการปรับกลยุทธ์อขงกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในช่วงปีนี้   คาดว่าจะทยอยเห็นผลลัพธ์เชิงบวกอย่างต่อเนื่องและประเมินว่า ภายในปี 2568 จะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 400,000 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อยเทียบกับปีก่อนหน้า, ยอดสินเชื่อใหม่ 94,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อคงค้าง 143,000 ล้านบาท” นายอธิศ กล่าวสรุป

 

ทั้งนี้ ผลประกอบการของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ช่วง 9 เดือน (มกราคม - กันยายน 2568 ) ในภาพรวมนับว่ายังเติบโตดีกว่าตลาดทั้งในแง่ของจำนวนบัตรและยอดใช้จ่ายผ่านบัตร  โดยมียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 422,800 บัญชี, ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 286,300 ล้านบาท, ยอดสินเชื่อใหม่ 68,400 ล้านบาท และยอดสินเชื่อคงค้าง 134,300 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน อยู่ที่ระดับ 1.3% สำหรับบัตรเครดิต และ 2.2% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจจากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม

 

 นายอธิศ  กล่าวว่า  จากสถานการณ์ที่ท้าทายต่าง ๆ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้ปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสภาวะตลาด โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อสร้างความเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมบริหารต้นทุนเพื่อรักษาระดับผลการดำเนินงาน โดยปรับกลยุทธ์การตลาดและวิธีทำโปรโมชันโดยใช้ศักยภาพและเครือข่ายพันธมิตรของกลุ่มบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น ในช่วงปลายปี กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผนึกกำลังบัตรเครดิตในเครือทั้งหมดจัดโปรโมชัน กรุงศรีช่วยคุณเปย์เซฟ มอบเครดิตเงินคืนสูงสุด 10% ในหมวดใช้จ่ายที่ผู้บริโภคนิยมใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ร้านอาหาร ท่องเที่ยว เติมน้ำมัน เป็นต้น (1 พ.ย. 2568 – 31 ม.ค. 2569 เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด) นอกจากนี้ ยังเดินหน้าปรับจุดขายผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อให้มีสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้น อาทิ การออกแคมเปญสื่อสารใหม่ “บัตรกดเงินสดเฟิร์สช้อยส์ อนุมัติไว…เข้าใจคนรอ” ตอกย้ำจุดเด่นของบัตรกดเงินสดเฟิร์สช้อยส์ที่สมัครง่าย อนุมัติไว ในตลาดบัตรสินเชื่อ, การพลิกโฉมภาพลักษณ์แบรนด์บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ใหม่ พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ “T1 Dynamic Points” มอบคะแนนเดอะวันมากกว่าที่เคย ทุกวันที่ 15 ของเดือน กับหมวดสินค้าหรือแบรนด์ที่ร่วมรายการ, การปรับสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตโลตัส เพิ่มความสะดวก คุ้มค่า กับ ‘โลตัสมันนี่คอยน์' โปรแกรมสะสมคะแนนแบบใหม่, และการปรับโฉมบัตรเครดิต กรุงศรี ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เรือธง พร้อมยกระดับสิทธิประโยชน์ ช้อป เที่ยว กิน ภายใต้แนวคิด ‘Life Worth Living’ แคมเปญทั้งหมดได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปีนี้ และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า (บัตรเครดิต : ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี, สินเชื่อส่วนบุคคล : อัตราดอกเบี้ยปกติ 25% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 15% - 25% ต่อปี)

 

ทั้งนี้ หมวดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุดเรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1. ประกันภัย, 2. ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ,      3. ปั๊มน้ำมัน, 4. ตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ในครัวเรือน และ 5. ช้อปออนไลน์ ส่วนหมวดใช้จ่ายที่มีอัตราเติบโตสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. โซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชัน, 2. แอปดิลิเวอรี 3. กองทุนรวม, 4. ตัวแทนท่องเที่ยว และ 5. ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคระมัดระวังมากขึ้น ชะลอการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย เน้นการใช้จ่ายในหมวดที่จำเป็นและการวางแผนระยะยาวมากขึ้น

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com