ธปท.จ่อออกประกาศใหม่ ‘หนุนตั้ง JV AMC ’ หวังเพิ่มจำนวนผู้ซื้อหนี้เสียมาบริหาร -พลิกฟื้นลูกหนี้เข้าสู่ระบบ ตั้งเป้ารับซื้อหนี้ออกได้ 20-30% ของ NPL ทั้งระบบ
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท. ) เป็นประธานกล่าวเปิด งานสัมมนา “ ฝBAM SYMPOSIUM 2025 ครั้งที่ 1 " หัวข้อเรื่อง ” New Era of AMC : .พลิกฟื้นสินทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ว่า เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้นมานาน โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่มีสัดส่วนอยู่ในระดับสูงกว่า 86% ของ GDP แม้จะลดลงจากที่เคยสูงสุด 90% ในอดีต แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อภายในประเทศลดลง
ส่วนของหนี้ครัวเรือนสัดส่วน 86% ดังกล่าว จะมีส่วนที่เป็นหนี้เสีย ( NPL ) เกือบ 4% และมีส่วนที่เริ่มผิดนัดชำระแต่ยังไม่เป็นหนี้เสีย ( SM ) ประมาณ 8-9% ซึ่งเป็นส่วนที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ GDP ของไทยในระยะต่อไปเติบโตได้ไม่สูง ซึ่งปีนี้ แม้ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทย ยังเติบโตได้สูง 3% แต่ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตไม่สูงนัก ทำให้ธปท. คาดว่า ปีนี้ เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ 2.2% และปีหน้าจะลดลงเหลือ 1.6% เท่านั้น เนื่องจากฐานที่สูงในครึ่งปีแรกจากมีการเร่งส่งออกก่อนที่ภาษีฯสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ ทำให้ภาคส่งออกขยายตัวสูงมากและทำให้ GDP โตมากตามไปด้วย
สิ่งที่น่าห่วงคือ แนวโน้มตัวเลขหนี้ที่เริ่มผิดนัดชำระเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนของกลุ่มเอสเอ็มอีประมาณ 8–9% หากรวมหนี้ดังกล่าวเป็น 11–12% ก็น่ากังวล หากไม่เร่งแก้ไขอย่างจริงจัง ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะไม่สามารถขยายตัวได้ในระดับที่สูงกว่านี้ จะกลายเป็นแรงฉุดรั้งการเติบโตในระยะยาวของไทย
ธปท. ได้เร่งการแก้ปัญหาหนี่เชิงโครงสร้าง โดยใช้กลไกของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เข้ามารับซื้อหนี้และทำการช่วยเหลือผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ช่วยให้ลูกหนี้มีการชำระหนี้ในอัตราที่ผ่อนปรนกว่าตอนที่อยู่ในสถาบันการเงิน การช่วยลดดอกเบี้ย การไม่คิดค่าธรรมเนียม และผ่อนไม่ต้องชำระเต็มจำนวน 100% จะช่วยให้หนี้เสียกลับกลายเป็นหนี้ที่ดีได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้น ธปท. มีนโยบายเพิ่มจำนวน AMC ให้มากขึ้น ในเร็วๆนี้ ธปท. จะออกประกาศเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์หรือ JV AMC ซึ่งฉบับใหม่ล่าสุดนี้จะมีปรับแก้ไขบางส่วนหลังจากประกาศ JV AMC ฉบับเดิมหมดอายุเมื่อสิ้นปี 2567 การเพิ่มจำนวน AMC เพิ่มขึ้นจะช่วยในการแก้ปัญหาหนี้เสีย และเข้ามาช่วยให้ลูกหนี้ที่ถูกฟ้องร้องบังคับดำเนินคดี น้อยลง ช่วยแก้ปัญหาเชิงสังคม แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนให้ลดลง ทั้งนี้ ปัจจุบันมี AMC ทั้งหมด 90 แห่ง แต่ที่ดำเนินการแอ็คทีฟมีเพียง 45 แห่ง หรือ 50% เท่านั้น และพบว่า ปัจจุบันมีการรับซื้อหนี้เสียออกมาบริหารในสัดส่วนที่ลดลงเหลือ 10% ของ NPL รวม จากที่เคยสูง 20-25% โดยคาดว่า หากมี AMC จำนวนมากขึ้น จะช่วยทำให้มีการรับซื้อหนี้เสียสัดส่วนมากขึ้นราว 20 %- 25% ธปท. อยากห็นการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น