Economies

ส.ตราสารหนี้ไทย เผย 9 เดือนแรกเอกชนออกหุ้นกู้ใหม่หด 9% แรงซื้อต่างชาติแผ่ว คาดปลายปีบอนด์ยีลด์ร่วงตามดอกเบี้ยขาลง
7 ต.ค. 2568

ThaiBMA ชี้เศรษฐกิจชะลอตัว กระทบเอกชนออกหุ้นกู้ ลดลง 9.1% ในช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้  เผยต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทย 29,038 ล้านบาท ชี้แนวโน้มลงทุนต่างชาติบอนด์ไทยแผ่ว ยีลด์ต่ำ 1%กว่าไม่จูงใจ  คาด กนง.ลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งอยู่ที่ 1%-1.25% ตลาดคาดปลายปีนี้ Bond yield ไทยรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี จะขยับตัวลดลงเฉลี่ยราว10-15 bps.

 

ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ( ThaiBMA ) เปิดเผยภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ณ สิ้น ไตรมาส 3 ปี2568 ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยยังคงมีอัตราการขยายตัวในระดับต่ำต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยในปี 2568 อัตราการขยายตัวมีแนวโน้มชะลอตัวมากขึ้นจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศ รวมไปถึงความขัดแย้งทางชายแดนกับประเทศกัมพูชา ส่งผลให้การออกหุ้นกู้ภาคเอกชนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 ลดลง 9.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า  โดยภาพรวมตลาดตราสารหนี้ไทยขยายตัว 3.5% จากการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ภาครัฐเป็นสำคัญ

 

ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ไทย ณ สิ้นไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทยเท่ากับ 17.7 ล้านล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน  95% ของ GDP) เพิ่มขึ้น 3.5% จากปีที่แล้ว เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ภาครัฐเป็นหลัก ในขณะที่มูลค่าคงค้างตราสารหนี้ภาคเอกชนลดลงเล็กน้อยจากสิ้นปีที่ผ่านมา

 

ส่วนการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว(หุ้นกู้ระยะยาว) เท่ากับ 640,002 ล้านบาท ลดลง 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นอัตราการปรับลดลงที่ต่ำกว่าเมื่อตอนไตรมาส 2 ที่ผ่านมา จากการที่ผู้ออกในกลุ่ม Investment grade เพิ่มการออกขึ้นมากในไตรมาส 3 

 

สำหรับนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทย 29,038 ล้านบาท ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2568  โดยเป็นการซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยในไตรมาส 1 และ 2 จำนวน 32,329 ล้านบาท รวมกับการขายสุทธิ 3,291 ล้านบาทในไตรมาส 3  ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 นักลงทุนต่างชาติมีการถือครองตราสารหนี้ไทยเท่ากับ 8.8 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทยโดยตราสารหนี้ไทยที่ต่างชาติถือครองมีอายุคงเหลือเฉลี่ย 7.9 ปี ลดลงจาก 8.7 ปี เมื่อสิ้นปี 2567

 

“แนวโน้มต่างชาติ ยังไม่ได้สนใจเข้าซื้อตราสารหนี้ไทย เพราะผลตอบแทนอยู่แค่1% ไม่น่าสนใจ ขณะที่ของสหรัฐยังสูง3% ตอนนี้ต่างชาติเน้นถือบอนด์ยาวกว่า 10 ปีถึง 2 แสนล้านบาท”

 

ดร.สมจินต์ กล่าวว่า เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย  (Bond Yield)  ปรับตัวลดลง ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้  ซึ่งเป็นกสรปรับตัวลดลงทั้งเส้นในทิศทางเดียวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปี 2568 รวม 3 ครั้ง 0.75% มาอยู่ที่ระดับ 1.50% ส่งผลให้ Bond yield ไทยรุ่นอายุ 2 ปี 5 ปี และ10 ปี ปรับตัวลดลง 86-88bps. จากสิ้นปี 2567 มาอยู่ที่ระดับ 1.16%, 1.22% และ 1.42% ตามลำดับ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568

 

ขณะที่เส้นอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชนปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล: โดยในช่วง 9 เดือนแรกนี้ อัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้รุ่นอายุ 5 ปี ของหุ้นกู้กลุ่ม AAA  AA  A และBBB+ ปรับตัวลดลง 72-110 bps. มาอยู่ที่ระดับ 1.71% 2.17%  2.55% และ 3.92% ตามลำดับ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568   

 

”แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงราว 1-2 ครั้งในการประชุมที่เหลือของปีโดยผลสำรวจจากผู้ร่วมตลาดส่วนใหญ่คาดว่ากนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายราว 1-2 ครั้ง รวม 0.25-0.50%  ลงมาอยู่ที่ 1.00-1.25% จากปัจจุบันที่ 1.50% สำหรับการคาดการณ์ Bond yield ไทย ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่า ปลายปี 2568 Bond yield ไทยรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี จะขยับตัวลดลงเฉลี่ยราว10-15 bps. จากสิ้นไตรมาส 3 โดยมีปัจจัยหลักจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย และแผนการระดมทุนของภาครัฐ“

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com