บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด (บลจ.ดาโอ) แนะนำ “กองทุนเปิด ดาโอ ซิลเวอร์ไมน์เนอร์ (DAOL-SILVER)” สร้างโอกาสการลงทุนในหุ้นเหมืองเงิน รับกระแสความต้องการ“สินทรัพย์ปลอดภัย” และ “วัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมยุคใหม่” โดยจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 14 – 21ตุลาคม 2568

นางสาวมนชญา รัชตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจัดการลงทุน เปิดเผยว่า แร่เงิน (Silver) เป็นโลหะมีค่าที่มีบทบาทสำคัญต่อทั้งภาคอุตสาหกรรมและการลงทุน ความต้องการเงินทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ รถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสอดคล้องกับ
เมกะเทรนด์ด้านพลังงานสะอาดและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงทั่วโลก  จึงขอนำเสนอ กองทุนเปิด ดาโอ ซิลเวอร์ ไมน์เนอร์ (DAOL-SILVER) เปิดเสนอขายครั้งแรกระหว่าง วันที่ 14-21 ตุลาคม 2568(ความเสี่ยงระดับ 7 : ความเสี่ยงสูง) เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองเงินทั่วโลก  โดยลงทุนผ่านในกองทุนหลัก Global X Silver Miners ETF (SIL) หนึ่งในผู้นำด้าน ETF ระดับโลก จดทะเบียนในตลาด NYSE Arca และบริหารจัดการโดย Mirae Asset ครอบคลุมบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยตรงในอุตสาหกรรมเหมืองเงิน (Silver Mining) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง (Closely Related Activities) เช่น การสำรวจ (Exploration) และการถลุงแร่ (Refining) ตลอดจนบริษัทสตรีมมิ่งและบริษัทที่ถือสิทธิ์ในเหมืองเงิน

ตัวอย่างบริษัทในพอร์ตหลักของ Global X Silver Miners ETF ได้แก่ Wheaton Precious Metals  (แคนาดา): บริษัทสตรีมมิ่งรายใหญ่ ลงทุนในสิทธิ์รับผลผลิตโลหะมีค่าจากเหมืองทั่วโลก  ,   Pan American Silver (แคนาดา): หนึ่งในผู้ผลิตเงินรายใหญ่ที่สุดของโลก มีเหมืองกว่า 9แห่งในอเมริกาเหนือและใต้ ,  Fresnillo (เม็กซิโก): ผู้ผลิตเงินอันดับหนึ่งของโลก มีแผนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง ,   Hecla Mining (สหรัฐฯ): ผู้ผลิตเงินรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ที่มีประวัติยาวนานกว่า 130 ปี ,   Korea Zinc (เกาหลีใต้): ผู้นำด้านการถลุงโลหะและผลิตเงินเป็นผลพลอยได้ในปริมาณสูง

กองทุนหลักยังมีสัดส่วนการลงทุนหลักอยู่ใน ประเทศแคนาดา (65.9%), สหรัฐอเมริกา (13.8%), เม็กซิโก (5.4%), และ เกาหลีใต้ (4.3%) ซึ่งเป็นภูมิภาคสำคัญของอุตสาหกรรมเหมืองเงินโลก

บลจ.ดาโอ มองว่า หุ้นเหมืองเงิน มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตัวโลหะเงินโดยตรง เนื่องจากมีโครงสร้างต้นทุนคงที่เมื่อราคาเงินเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย กำไรของบริษัทเหมืองอาจเติบโตได้มากกว่าหลายเท่า อีกทั้ง ยังมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในระดับต่ำ ทำให้การลงทุนในหุ้นเหมืองเงินช่วยเพิ่มโอกาสกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ราคาหุ้นเหมืองเงินในปัจจุบันยังซื้อขายที่เพียง 60–70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และมีอัตรากำไรจากกระแสเงินสดอิสระ (FCF Margin) เฉลี่ยกว่า 30% สะท้อนศักยภาพในการสร้างกำไรและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งพร้อมโอกาสในการปรับมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่ออุปสงค์แร่เงินยังเติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนแร่เงินที่สำคัญ ได้แก่ 1.นโยบายการเงินของสหรัฐฯ (Fed Policy) ที่เอื้อต่อสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกผล 2. อุปสงค์เชิงอุตสาหกรรมที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะพลังงานสะอาดและโซลาร์เซลล์ 3. ข้อจำกัดด้านอุปทาน (Supply Constraints) จากต้นทุนและแหล่งผลิตที่ลดลง และ 4. ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่เพิ่มแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ทั้งนี้  จากรายงาน World Silver Survey 2025 คาดว่าตลาดแร่เงินทั่วโลกจะขยายตัวกว่า11,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ขณะที่แร่เงินกว่า 72% ที่ถูกผลิตขึ้นเป็น “ผลพลอยได้” จากเหมืองโลหะอื่น เช่น ทองแดง สังกะสี และทองคำ ทำให้ “อุปทานเงิน” มีข้อจำกัด ในขณะที่ความต้องการแร่เงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากภาคอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีขั้นสูง โดยตั้งแต่ ปี 2021 ตลาดเงินเริ่มเข้าสู่ภาวะขาดดุลเชิงโครงสร้าง โดยคาดว่าภายในปี 2030ความต้องการเงินจะสูงกว่าอุปทานเกือบ 2 เท่า จากแรงขับเคลื่อนของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด เช่น แผงโซลาร์ แบตเตอรี่ และชิปอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสะท้อนว่า“การขาดแคลนเงิน” มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในระยะยาว และเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน

ขณะเดียวกันอัตราส่วน Gold-to-Silver Ratio ปัจจุบันอยู่ที่ราว 88 สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 67บ่งชี้ว่า “เงินยังถูกประเมินค่าต่ำ” เมื่อเทียบกับทองคำ หากเศรษฐกิจอุตสาหกรรมโลกฟื้นตัว

“ จากแนวโน้มความต้องการ “โลหะเงิน (Silver)” ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก การลงทุนในธีมโลหะเงินถือเป็นโอกาสสำคัญในยุคที่เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด เงินไม่เพียงแต่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ยังเป็นวัตถุดิบสำคัญของเทคโนโลยีอนาคต ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวัฏจักรเติบโตระยะยาว กองทุน DAOL-SILVER จึงตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุน และมองหาโอกาสการเติบโตในระยะยาวจากเมกะเทรนด์พลังงานสะอาดและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก”  นางสาวมนชญากล่าว