ผู้ว่าฯ ธปท. ย้ำลดดอกเบี้ยต่ำ 1.75% เพียงพอรับพายุภาษีทรัมป์กระทบศก. ไทยได้ระดับหนึ่ง แต่หากสถานการณ์แย่ลงมากกว่าคาดพร้อมปรับให้ เผยเป็นห่วงสินค้านอกทะลักเข้าไทย ไม่เป็นผลดีกับเศรษฐกิจไทย ชี้ภาคการผลิต-เอสเอ็มอีอ่วม เหลือแค่ภาคบริการ มองไตรมาส 3 เห็นผลกระทบของภาษีต่อตัวเลขต่างๆของเศรษฐกิจและน่าจะเห็นจุดต่ำสุดในปีหน้า
ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานแถลงพบสื่อ ว่า การตัดสินใจล่าสุด ลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ 1.75% มองว่าเพียงพอจะรองรับพายุจากภาษีสหรัฐกระทบเศรษฐกิจไทยได้ระดับหนึ่ง แต่หากระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงลงมากกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ กนง.ก็พร้อมจะปรับ ทั้งนี้ ช่วง 4 เดือนของปีนี้ กนง. ลดดอกดบี้ยลง 2 ครั้ง ๆละ 0.25% รวม 0.50% จาก 2%
“สถานการณ์ทุกอย่างเกิดชะลอลง จาก out look (ภาพรวมเศรษฐกิจไทย )มากกว่าที่คาดก็พร้อมจะปรับ”
ขณะที่สิ่งที่ผู้ว่า ธปท.เป็นห่วงมากที่สุด คือ ปัญหาการทะลักไหลเข้าของสินค้าจากนอกประเทศ ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยแต่จะกลายเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต่างประเทศมากกว่า
“ตัวที่ห่วงมากที่สุด คือ การทะลักไหลเข้าของสินค้า พวก Sector ต่างๆ หนักและกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีการจ้างงานเยอะ ต้อง consern แต่พวกนี้ที่เราทำฉากทัศน์ ก็เหมือนว่าได้รับรู้ผลกระทบไประดับนึงแล้ว ท้ายที่สุดต้องดูว่าเป็นไปตามที่เรามองไหม“
สำหรับ Shock ที่เกิดขึ้น (จากการปรับขึ้นภาษี สินค้านำเข้าสหรัฐ) มองว่าไม่ได้จะกระทบต่อด้านการจ้างงานและรายได้ของทุกคนในประเทศ โดยมองว่า Shock ตัวนี้ กระทบภาคการผลิตเป็นหลัก แต่ยังมีภาคบริการ และท่องเที่ยวที่ยังไปได้อยู่ แม้จะชะลอตัวลง แต่โดยรวมภาคบริการฯไม่ได้ตกลงมากนัก
ธปท. ยังประเมินว่า ผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ หลังจากที่ครบกำหนดเลื่อน 90 วัน คือเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งคาดว่า จะส่งผลต่อตัวเลขต่างๆของภาคเศรษฐกิจไทย คงไม่ดีนักในไตรมาส 3 แต่โอกาสที่จะปรับร่วงลงมาอยู่จุดต่ำสุด คงไม่เกิดขึ้นเร็วในไตรมาสสี่นี้ หรืออีกนัยหนึ่งน่าจะไปเห็นจุดต่ำสุดในปีหน้ามากกว่า