ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  ระบุว่า ตามที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และ ธปท. ได้ออกถ้อยแถลงเกี่ยวกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและการเปิดเผยข้อมูล (รายละเอียดแถลงการณ์ด้านล่าง) เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น 

นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ทางการสหรัฐฯ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้ามาระยะหนึ่งแล้ว และได้มีการประเมินผ่านเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลการค้ากับสหรัฐฯ มาอย่างต่อเนื่อง โดยไทยเคยถูกจัดอยู่ใน monitoring list ในช่วงปี 2020-21 ดังนั้น จึงได้ใช้โอกาสที่มีการเจรจาการค้า ในการให้ทั้งสองประเทศเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะไม่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ผ่านการออก statement สู่สาธารณะ (เช่นเดียวกับที่ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ ได้ออกมาก่อนหน้านี้) จากเดิมที่เป็นการหารือทวิภาคีเป็นการภายในระหว่างกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กับธนาคารกลางหรือกระทรวงการคลังของประเทศคู่ค้า โดย ธปท. ยังสามารถดำเนินนโยบายเพื่อวัตถุประสงค์ในการดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนได้เช่นเดิม

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมาแถลงการณ์ร่วมของกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา และธนาคารแห่งประเทศไทย

ในฐานะพันธมิตรที่ไว้วางใจกัน กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ตกลงที่จะดำเนินการหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไปในประเด็นด้านเศรษฐกิจมหภาคและอัตราแลกเปลี่ยน

กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาและธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ยืนยันอีกครั้งว่า ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการตามพันธกรณีภายใต้ข้อบังคับของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF Articles of Agreement) โดยจะ ไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อบิดเบือนค่าเงินหรือระบบการเงินระหว่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการปรับดุลการชำระเงินอย่างมีประสิทธิภาพ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่ง ความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังตกลงร่วมกันว่า

1 มาตรการด้านเสถียรภาพทางการเงินมหภาค (macroeconomic and macroprudential measures) หรือมาตรการควบคุมเงินทุน (capital flow measures) จะไม่ถูกใช้เพื่อมุ่งเป้าต่ออัตราแลกเปลี่ยนเพื่อประโยชน์ทางการแข่งขัน

2 เครื่องมือการลงทุนของภาครัฐอื่น ๆ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญ จะไม่ถูกใช้โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ หรือธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อมุ่งเป้าควบคุมค่าเงินเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแข่งขัน

3 ในกรณีที่มีการพิจารณา แทรกแซงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (foreign exchange markets) ควรทำเฉพาะเมื่อจำเป็นต้อง รับมือกับความผันผวนหรือความเคลื่อนไหวที่ไร้ระเบียบของค่าเงิน โดยมีความคาดหวังว่า เครื่องมือนี้จะถูกใช้ได้ทั้งในกรณีค่าเงินอ่อนค่าหรือแข็งค่าเกินควร

ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันถึง ความสำคัญของความโปร่งใสด้านนโยบายและการดำเนินการเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน โดยต่างฝ่ายต่างให้คำมั่นว่าจะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ดังนี้

- การดำเนินการแทรกแซงค่าเงิน จะมีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างน้อย ทุกครึ่งปี (semiannual) โดยมี ระยะเวลาล่าช้า 1 ไตรมาส

- ข้อมูลเงินสำรองระหว่างประเทศและสถานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (forward positions) จะเปิดเผยต่อสาธารณะ ทุกเดือน ตาม รูปแบบข้อมูลของ IMF (IMF’s Data Template on International Reserves and Foreign Currency Liquidity)