ปาล์มปีหน้า 'บูมแน่'! SCB EIC ฟันธง ราคาพุ่ง รับอินโดฯ ดันไบโอดีเซล - ไทยผลิตล้นตลาดแข่งเดือด
ใครที่อยู่ในวงการ "น้ำมันปาล์ม" ต้องจับตา! ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดการณ์ปี 2568 อุตสาหกรรมนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ราคาปาล์มดิบเตรียมขยับขึ้น รับอานิสงส์เพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียเดินหน้าผสมไบโอดีเซลเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเองกลับเจอปัญหา "ผลิตเกิน" ทำโรงงานแข่งกันดุ หั่นราคาแย่งวัตถุดิบ!
SCB EIC ชี้ว่า ในปี 2568 ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบของไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้น 2.3% แตะ 3.4 ล้านตัน จากปาล์มทะลายที่คาดว่าจะให้ผลผลิตมากขึ้นถึง 19 ล้านตัน เหตุผลหลักมาจากพื้นที่ปลูกที่ขยายตัวและปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอ
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ยในประเทศก็น่าจะปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดโลก โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 37.8 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับปีนี้ ปัจจัยสำคัญที่ดันราคาคือ สต็อกน้ำมันปาล์มดิบทั่วโลกที่คาดว่าจะลดลง เนื่องจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอินโดนีเซีย ประเทศผู้ใช้น้ำมันปาล์มดิบอันดับหนึ่งของโลก ที่ประกาศเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B35 เป็น B40 ในปีหน้า
นอกจากนี้ ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสองของโลก ก็มีแนวโน้มลดลง 2.6% จากปัญหาภัยแล้ง ทำให้supply ในตลาดโลกตึงตัวขึ้น
ไทยผลิตล้น กดดันในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในฝั่งของประเทศไทยเอง กลับมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบลดลง 3.4% คาดว่าจะอยู่ที่ 3.3 ล้านตัน สาเหตุหลักมาจากการที่ภาครัฐมีนโยบายลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล ทำให้ความต้องการใช้ในส่วนนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าการบริโภคในประเทศและการส่งออกยังมีแนวโน้มเติบโตอยู่บ้าง
สิ่งที่น่ากังวล คือ ปัจจุบันอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของไทยกำลังเผชิญกับภาวะ "กำลังการผลิตส่วนเกิน" อย่างหนัก โรงงานแปรรูปมีขีดความสามารถในการผลิตสูงกว่าผลผลิตปาล์มที่มีอยู่ถึงเท่าตัว ทำให้ผู้ประกอบการต้องแย่งกันหาซื้อปาล์มทะลายมาป้อนโรงงานอย่างดุเดือด เพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย
จับตา 3 เสี่ยงใหญ่
SCB EIC ยังเตือนให้จับตา 3 ความเสี่ยงหลักที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในปีหน้า ได้แก่
แข่งเดือด เน้นยั่งยืน ใครปรับตัวได้...รอด!
จากภาวะกำลังการผลิตที่ล้นตลาด ราคาน้ำมันที่ผันผวน และกระแสผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องหันมาแข่งขันกันอย่างหนัก ทั้งในด้านการจัดหาวัตถุดิบ การลดต้นทุน การบริหารความเสี่ยงด้านราคา และการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
บริษัทใดที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเกษตรกร บริหารความเสี่ยงด้านราคาได้เก่ง มีต้นทุนต่ำ และใส่ใจเรื่องความยั่งยืน ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมนี้
สรุป: ปี 2568 อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีแนวโน้มสดใสเรื่องราคาและผลผลิต แต่ผู้ประกอบการไทยยังต้องเผชิญความท้าทายจากกำลังการผลิตที่เกินความต้องการ และต้องปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและกระแสความยั่งยืน ใครปรับตัวได้เร็ว มีโอกาสรอดและโต!