เปิดสาเหตุ A5 ทรุด "เกรียงไกร ศิระวณิชการ" หุ้นใหญ่เบอร์ 2 กระหน่ำทุบทุกราคาทิ้งหุ้นออกมา 37.13 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 4.65 บาท สุดท้ายไข่มุกดำ คนทำราคาพานักลงทุนติดดอย
เกมทำราคาหุ้น A5 หรือ บริษัท แอสเซทไฟว์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ที่ไข่มุกดำ จับมืออาจารย์เพชร เสกราคาเปิดกระโดด จากราคาก่อนแขวน SP เมื่อปลายปี 59 ที่ 1.50 บาท สูงถึง 9 บาท แต่สุดท้ายแป๊ก เข็นไม่ขึ้น ก่อนจะชิ่งหนีออกไปลอยแพนักลงทุนติดดอยกันทุกระดับราคา เพราะหล่นลงมาเหลือแค่ 2 บาทกว่า
ล่าสุดเมื่อค่ำวานนี้(10มี.ค.) ก็มีข้อมูลเฉลยออกมาถึงสาเหตุ ไข่มุกดำและอาจารเพชร ที่คุยโวจะปั่นราคาไปเลข 2 หลัก แต่ทำราคาไม่ขึ้น เพราะถูกนายเกรียงไกร ศิระวณิชการ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 ของ A5 ตัดเกม กระหน่ำขายออกมาอย่างหนักทุกระดับราคา ตั้งแต่เปิดตลาดวันแรกที่ได้รับอนุญาตให้กลับมาซื้อขายได้อีกครั้ง
โดยขายออกมามากถึง 37.13 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 4.65 บาท ขณะที่ซื้อกลับแค่ 2.06 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 3.43 บาท หรือมียอดเทขายสุทธิออกมา 35.06 ล้านหุ้น หรือราว 2.89%ของทุนจดทะเบียน
โดยที่นายเกรียงไกร มีต้นทุนหุ้น A5 แค่หุ้นละ 7 สตางค์เท่านั้น เท่ากับการถล่มขายของนายเกรียงไกร จนเกมปั่นราคาที่มีการวางแผนกันไว้ล่มไม่เป็นท่ารอบนี้ ได้กำไรตกหุ้นละ 4.58 บาท หรือ ฟันกำไรรวมกว่า 160 ล้านบาท
สำหรับนายเกรียงไกร คนในวงการตลาดหุ้น รู้จักใน ฉายาแฟนพันธุ์แท้ตลาดหุ้น เคยเป็นแชมป์รายการแฟนพันธุ์แท้ของปัญญา นิรันด์กุล เมื่อปี 2549
นายเกรียงไกร เป็นผู้ถือหุ้น A5 มานาน ตั้งแต่สมัยยังเป็นชื่อ ADAM หรือ บมจ. อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น ที่เปลี่ยนชื่อมาจากบริษัท อาร์เค มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RK ซึ่งเป็นหุ้นร้อนในอดีต ที่ตายซากอยู่ในตลาดหุ้น โดยนายเกรียงไกร เข้าซื้อจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม และประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ในราคาหุ้นละ 7 สตางค์
จากนั้นจับมาแต่งหน้าทาปาก ก่อนจะเพิ่มทุนนำหุ้น 752.83 ล้านหุ้น ขายให้กลุ่มปัจจทรัพย์ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในช่วงปลายปี 2561 หลังปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น และโครงสร้างการบริหารงาน รวมทั้งแนวธุรกิจที่กลุ่มปัจจทรัพย์ ถนัด คืออสังหาริมทรัพย์ โดยที่นายเกรียงไกร ยังคงนั่งเป็นประธานบอร์ด
แต่หลังจากนายเกรียงไกร ถล่มขาย A5 ตั้งแต่วันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ อนุญาตให้หวนคืนสังเวียนตลาดหุ้น ก็ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด
โดยนายศุภโชค ปัญจทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ A5 รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า นายเกรียงไกร ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตําแหน่งประธานกรรมการบริษัท เนื่องจากมีภารกิจอื่นมาก โดยการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2565เป็นต้นไป