Market

BGC ลดลงทุนพลังงาน ลุยบรรจุภัณฑ์เต็มสูบ ตัดขาย‘ SPM’ สวอปหุ้น BG - รับเงิน 600 ล้าน
8 พ.ย 2564

BGC  ประกาศลดสัดส่วนลงทุนธุรกิจพลังงาน  เผยดีลขายหุ้น SPM ให้บ. บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น สวอปเป็นหุ้นแทนและรับเงินกลับมาอีก 600 ล้านบาท  เดินหน้าธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร มั่นใจเติบโตก้าวกระโดดในระยะยาว  

 

นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าปรับโครงสร้างการลงทุนในธุรกิจพลังงานเป็นรูปแบบ Passive Investment ที่มีสัดส่วนการลงทุนน้อยกว่าร้อยละ 20 ที่เน้นผลตอบแทนการลงทุนในรูปแบบเงินปันผล โดยจะจำหน่ายหุ้นทั้งหมด 100% ถืออยู่ในบริษัท โซล่า พาวเวอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (SPM) ให้แก่ บริษัท บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด (BGE) เพื่อแลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BGE จำนวน 7.5 ล้านหุ้น หรือ 27.27% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ BGE และดำเนินการจำหน่ายหุ้น BGE จำนวน 2.02 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.35% ให้แก่ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BG ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินกว่า 600 ล้านบาท และคงเหลือสัดส่วนถือหุ้นในธุรกิจด้านพลังงานผ่าน BGE ที่ 19.93% 

 

รวมถึงอนุมัติให้ SPM ทำสัญญากู้ยืมเงินจาก BGE วงเงินไม่เกิน 270 ล้านบาท เพื่อให้ SPM นำไปชำระเงินกู้ยืมเดิมพร้อมดอกเบี้ย หลังจากได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 เป็นที่เรียบร้อย  

 

ทั้งนี้ การปรับลดสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจพลังงานครั้งนี้ เป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทฯ ให้สอดคล้องกับแผนดำเนินงานในระยะยาวที่มีนโยบายมุ่งเน้นขยายการลงทุนและสร้างการเติบโตจากธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร หลังจากบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติก ฝาพลาสติก ฉลากฟิล์ม หลอดพรีฟอร์ม กล่องกระดาษ เป็นต้น เพื่อยกระดับธุรกิจสู่ “Total Packaging Solutions” ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น โดยใช้จุดแข็งที่มีบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องหลากหลาย และสามารถนำเสนอบรรจุภัณฑ์แก่ลูกค้าอย่างครบวงจร

 

นอกจากนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้ว โดยลงทุนก่อสร้างเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ที่โรงงานราชบุรี และลงทุนขยายกำลังการผลิตเตาหลอมแก้วที่โรงงานปราจีนบุรี ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วเพิ่มขึ้นเป็น 3,935 ตันต่อวัน จากปัจจุบัน 3,495 ตันต่อวัน รวมถึงได้ขยายการลงทุนบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ซึ่งเป็นการเพิ่มพอร์ตสินค้าและความหลากหลายด้านบรรจุภัณฑ์ ตอบสนองความต้องการภายในประเทศที่มีอัตราเติบโตสูง และรุกขยายฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงเป็นการสร้างโอกาสต่อยอดรุกเข้าสู่ธุรกิจกลางน้ำเพื่อรองรับเป้าหมายการเติบโตของกลุ่มบรรจุภัณฑ์ในอนาคต  

 

“ปีนี้ถือเป็นปีที่ BGC มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ทั้งการปรับลดสัดส่วนการถือหุ้นในธุรกิจพลังงาน การปรับโมเดลธุรกิจสู่การเป็น Total Packaging Solutions หลังจากขยายการลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง การลงทุนก่อสร้างและขยายกำลังการผลิตเตาหลอมแก้ว ตลอดจนขยายการลงทุนบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ซึ่งการปรับโครงสร้างธุรกิจและแผนลงทุนต่าง ๆ จะเป็นส่วนผลักดันให้บรรลุเป้าหมายที่มีรายได้เติบโตอีกกว่าเท่าตัว จาก 1.1 หมื่นล้านบาท เป็น 2.5 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2568” นายศิลปรัตน์ กล่าว  

 

สำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายศิลปรัตน์ กล่าวว่า จะส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูรายได้จากการท่องเที่ยว ตลอดจนการอนุญาตให้ 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ กระบี่ พังงาและภูเก็ต เป็นพื้นที่นำร่องที่สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และนั่งดื่มภายในร้านได้ถึงเวลา 21.00 น. เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วและความต้องการใช้สินค้าที่เพิ่มขึ้น  

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com