WPH เนื้อหอม บล.ไอร่า และ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส พร้อมแนะซื้อ ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ระดับ 6 บาท ไตรมาส 2 สัญญาณดีต่อเนื่อง รับอานิสงส์เปิดประเทศ หนุนผู้ใช้บริการคึกคัก ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันจูงใจ พีอีต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโรงพยาบาลขนาดกลาง และเล็กที่สูงถึง 20 เท่า
บล.ไอร่า ได้ออกบทวิเคราะห์ แนะนำ "ซื้อ"หุ้น WPH หรือ บมจ.โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ให้ราคาพื้นฐานที่ 6 บาท เพราะมองว่าได้ประโยชน์จากเปิดประเทศ และโรงพยาบาลอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาล ในเครือ 2 แห่งที่ จ.ตรัง และ อ่าวนาง จ.กระบี่ สามารถรองรับผู้ป่วย IPD รวม 179 เตียง/วัน และ OPD รวม 1,200 คน/วัน อยู่ระหว่างการขยาย รพ. แห่งที่ 3 ที่ สมุย ขนาด 53 เตียง คาดจะเปิดให้บริการไตรมาส 4/2565 – ไตรมาส 1/2566 โดยตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว คาดสามารถรองรับผู้ป่วยต่างชาติ สอดคล้องกับการเปิดประเทศ หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติดีขึ้น
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565 ผู้บริหาร WPH คาดรายได้โต 10% เป็น 1.35 พันล้านบาท ภายใต้สัดส่วน รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่คาดเพิ่มขึ้นจาก 1% เมื่อปี 2564 เป็น 10%ในปี 2565 พร้อมแผนเปิดศูนย์ Wellness และคาดผลประกอบการ รพ.วัฒนเเพทย์อ่าวนางฟื้นตัว และภายใต้Net Profit Margin ประมาณ 15-17% เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิประมาณ 200 – 230 ล้านบาท หรือ 0.33 – 0.38 บาท และคาดเงินปันผล 0.13 – 0.15 บาท โดยประเมินภายใต้นโยบายไม่ต่ำกว่า 40%
โดยราคาตามปัจจัยพื้นฐานที่ระดับ 6 บาท อิง P/E ปีนี้ที่ 6.45 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มฯ ขณะที่ประเมิน P/E อิงการซื้อขายของกลุ่มฯ ที่ 20 เท่า
ส่วน บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมาย 4.40 บาท เนื่องจากได้ประโยชน์จากเปิดประเทศ และโรงพยาบาลอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว โดยมีกำไรสุทธิไตรมาส1/2565 เท่ากับ 57 ล้านบาท ดีขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 13 ล้านบาทในไตรมาส1/2564โดยมี ปัจจัยหนุน คือ 1) รายได้การรักษาพยาบาลโต97%จากงวดเดียวกันปีก่อนเป็น 326 ล้านบาท โดยรายได้เกี่ยวกับโควิดเพิ่มขึ้น100%, คิดเป็น 36% ของรายได้รวม, 2) GPM สูงขึ้นเป็น 33.5% จาก 11.1% ในไตรมาส1/2564และ SGA/รายได้ลดสู่ 12% จาก 19% ในไตรมาส1/2564 เพราะมาร์จิ้นการรักษาโควิดสูง บริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพขึ้นและมี Economy of scale
โดยคาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิ ไตรมาส2/2565 จะเติบโตแข็งแกร่งจากคนไข้ไทยเพิ่มขึ้นคนไข้ต่างชาติทยอยกลับเข้ามาแม้เป็น Low season และแม้ว่ารายได้จากโควิดจะอ่อนลง แต่รายได้รวมยังเพิ่มขึ้นได้จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่วน GPM คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อกำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายงวดไตรมาส2/2565 จะดีขึ้นมากจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 19 ล้านบาท
ขณะเดียวกันมองแนวโน้มรายได้เติบโตต่อเนื่องใน 3 ปีข้างหน้า และผู้บริหารคาดว่าการให้บริการของ ร.พ.วัฒนแพทย์ สมุย จะคุ้มทุนทาง EBTIDA ในปีที่ 2 เพราะอยู่ในทำเลที่มีคนไข้ไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้น นอกจากนี้กำลังศึกษาก่อสร้างร.พ.แห่งที่ 4 โดยจะอยู่ในพื้นที่ที่มี Synergy กับร.พ.ที่มีอยู่เดิมและเป็นทำเลที่มีนักท่องเที่ยว & สถานประกอบการธุรกิจจำนวนมาก
ทั้งนี้ แม้กำไรสุทธิปี2565 จะอ่อนลงเพราะการลดลงของรายได้โควิดที่มีมาร์จิ้นสูง แต่ในปี2566-67 จะเติบโตได้ 4%/20% ณ ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/E ปีนี้เพียง 11 เท่า ขณะที่หุ้นกลุ่มร.พ.กลาง-เล็กอยู่ที่กว่า 20 เท่า คาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้ 3%