บล. เคทีบีเอสที ส่องกำไรบจ.ปี 64 สูง 9.5 แสนล้านบาท โตกว่า 120% ให้ผลตอบแทนเงินปันผล 2.1% สแกนหุ้นปันผลเด่นเกิน 4% หลัง XD ราคาหุ้นไม่ร่วง แนะ 4 หุ้น “PTT - TISCO - KKP – DIF” รับมือตลาดผันผวน ชนะเงินเฟ้อ พร้อมชง 2 สูตรจัดพอร์ตลงทุนหุ้นปันผล สำหรับนักลงทุนไม่ชอบเสี่ยง ถือหุ้นปันล 50%ของพอร์ต ส่วนกลุ่มกล้าเสี่ยงลงทุนทั้งงหุ้นในและต่างประเทศ แนะลงทุนไม่เกิน 30%
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST SEC เปิดเผยว่า ปีนี้ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังคงอยู่ตลอดปี แม้ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในตลาดการลงทุนย่อมมีโอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เนื่องจากปีนี้ยังมีอีกหลายๆปัจจัยกดดันจากในประเทศและต่างประเทศ นำโดยปัจจัยหลักของโลก คือ ภาวะดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้นจากนโยบายการเงินสหรัฐฯ ที่เตรียมขึ้นดอกเบี้ยและอาจจะปรับขึ้นหลายครั้งในอัตราที่มาก ล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจเร่งการขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1% ภายในกลางปีนี้ นักลงทุนจึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและจับจังหวะการลงทุนให้ดี ซึ่งในช่วงนี้ การลงทุนในหุ้นปันผล (Stock Dividend) ยังถือว่ามีน่าสนใจเมื่อพิจารณาจากผลตอบแทน รวมถึงความเสี่ยงและความผันผวนของตลาด
ทั้งนี้ KTBST SEC ได้ทำประมาณการผลดำเนินงานโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในเบื้องต้น ปี 2564 คาดว่ากำไรสุทธิรวม 9.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 121%จากปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 4.3 แสนล้านบาท และคาดว่าผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดอยู่ที่ 2.1%
“เรามองว่าเสน่ห์หุ้นปันผล รับมือตลาดหุ้นผันผวนได้ โดยจะเลือกหุ้นปันผลที่มีความสามารถในการจ่ายปันผลในระดับเกิน 4% ชนะตลาด และยังมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลยังดีต่อไปในอนาคต อีกทั้งมีสภาพคล่องสูง ที่สำคัญ หลังวันที่ขึ้น XD (ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล) แล้วราคาหุ้นจะไม่ร่วงลง ซึ่งถือลงทุนเป็นปีๆได้ เพิ่มโอกาสขายทำกำไรอีกต่อจากส่วนต่างของราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน โดยขณะนี้ เราได้คัดเลือก 4 หุ้นที่ปันผลดี และถือลงทุนเป็นปี ๆได้ คือ PTT , KKP, TISCO, DIF “นายมงคลกล่าว
KTBST SEC ได้ประมาณการ บมจ. ปตท. (PTT) จ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.70 บาท/หุ้น หลังจากจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (ผลดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 2564 ) แล้ว 1.20 บาท/หุ้น เมื่อรวมทั้งปี PTT ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 4.7% บมจ. ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) คาดจ่ายเงินปันผล 3 บาท/หุ้น หลังจากได้ปันผลระหว่างกาลปี 2564 แล้ว 0.75 บาท และทั้งปี 2564 คาดผลตอบแทนรวม 4.2% บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเซียลกรุ๊ป (TISCO) จ่ายเงินปันผลครั้งเดียวคาดว่า 6.60 บาท หรือผลตอบแทน 6% และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม (DIF) จ่ายเงินปันผลรายไตรมาส โดยทั้งปี 2564 คาดอยู่ที่ 1 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 7%
อย่างไรก็ตาม KTBST SEC ยังแนะนำสำหรับนักลงทุนที่อยากได้เงินปันผลเต็มไม้เต็มมือแบบจ่ายปีละครั้ง โดยคัดเลือกมาให้ลงทุน 8 หุ้นปันผลเด่น (ดูตารางประกอบ) ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มการเงิน ได้แก่ บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) หรือ KGI ,TISCO , บมจ. ธนาคารทหารไทยธนชาต ,บมจ. ธนาคารกรุงไทย ตามด้วยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือ SC และบมจ.เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP นอกจากนี้ยังมี บมจ. ฮั้วฟง รับเบอร์ (ไทยแลนด์) หรือ HFT และ บมจ. อาม่า มารีนหรือ AMA
ในส่วนของการจัดพอร์ตภายใต้ภาวะตลาดหุ้นเวลานี้ ควรจะถือหุ้นปันผลกี่เปอร์เซ็นต์นั้น นายมงคล กล่าวว่า จริงๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการและสไตล์การลงทุนแต่ละคน ถ้าเป็นนักลงทุนที่ไม่ชอบเสี่ยงมาก อาจถือได้ถึงประมาณ 50% ของพอร์ตก็ได้ แต่ถ้าโดยทั่วไปที่มีการลงทุนกระจายหลากหลายทั้งในและต่างประเทศ แนะนำว่า ไม่ควรถือเกิน 30% เพราะหุ้นปันผลต้องถือระยะยาวเพื่อรับปันผล จึงไม่สามารถเก็งกำไรผลตอบแทนในระยะสั้นได้ ซึ่งข้อดีของการลงทุนในหุ้นปันผล คือ นักลงทุนจะได้รับกระแสเงินสดจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ทั้งเป็นรายไตรมาส หรือทุก 6 เดือน หรือปีละครั้ง ขึ้นกับนโยบายในการจ่ายปันผลของแต่ละบริษัท
"ท่ามกลางความไม่แน่นอนและภาวะราคาสินทรัพย์ที่ขึ้นลงผันผวน KTBST SEC มองว่าการลงทุนหุ้นปันผลถือเป็นอีกทางเลือกลงทุน ซึ่งเมื่อพิจารณาส่วนต่าง (Spread) ระหว่างดัชนี MSCI Asia Pacific High Yield กับผลตอบแทนจากพันธบัตร พบว่าพันธบัตรยังให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่า สะท้อนว่าการลงทุนในหุ้นปันผลยังมีเสน่ห์อยู่ต่อไป การลงทุนในหุ้นปันผลจึงยังคงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝากธนาคารที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินและอาจขาดทุนด้วยซ้ำเมื่อพิจารณาจากเงินเฟ้อที่ทะยานตัวขึ้นในเวลานี้" นายมงคลกล่าว