ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดแผนปี 65 รุกธุรกิจ 3 แกนหลักที่เป็นจุดแข็ง ธุรกิจรายย่อย รายใหญ่ และบริหารเงิน ส่งแอปฯปล่อยสินเชื่อดิจิทัล เตรียมบุกธุรกิจ wealth ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ พร้อมปรับโครงสร้างพอร์ตโฟลิโอ และกระจายความเสี่ยงของเงินฝาก พร้อมยืนหยัดเป้าหมายเป็น “ธนาคารอาเซียนขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล”
นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า กลยุทธ์ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ในปี 2565 จะมุ่งเน้นโซลูชั่นทางการเงินอย่างยั่งยืน และตอบความต้องการลูกค้าอย่างตรงจุด ผ่านการขับเคลื่อนจากธุรกิจหลัก โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายอาเซียนและ digital platform ภายใต้กลยุทธ์ Forward23+
วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ Forward23+ เพื่อก้าวเป็น'ธนาคารอาเซียนขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล '
โดยธนาคารจะปรับโครงสร้างพอร์ตโฟลิโอ และปรับประสิทธิภาพการใช้ต้นทุน พร้อมกระจายความเสี่ยงของเงินฝาก และบริหารจัดการความเสี่ยงเข้มข้น รวมถึงเพิ่มทักษะของคนทำงาน เพิ่มมูลค่าให้คนด้วยทักษะดิจิทัล และต้องทำธุรกิจบนพื้นฐานแห่งความยั่งยืน ยุทธศาสตร์ทั้งหมดนี้ จะขับเคลื่อนให้ธนาคารเติบโตโดยธุรกิจ 3 แกนหลัก ได้แก่ ธุรกิจรายย่อย (Consumer Banking) ธุรกิจรายใหญ่ (Wholesale Banking) และธุรกิจบริหารเงิน (Treasury and Markets)
โดยธุรกิจรายย่อย จะใช้ระบบดิจิทัลและฐานข้อมูล มาช่วยขยายการเข้าถึงและขยายธุรกิจรายย่อย ให้เติบโตขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา แอปพลิเคชั่น CIMB THAI Digital Banking ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อาทิ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ สปีดดี (Speed D) และสปีดดี พลัส (Speed D+) ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีคุณลักษณะสด ใหม่ และตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ซึ่งปีนี้จะมีผลิตภัณฑ์ฯใหม่ๆออกมาอีกต่อเนื่อง
ธนาคารปักธงจะเป็นผู้นำตลาดธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (wealth management) โดยปีที่แล้ว ธนาคารยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘Wealth Credit Line’ และการจองซื้อหุ้นกู้และพันธบัตรผ่านแอปมือถือ เพื่อขยายโอกาสและทางเลือกในการลงทุนแบบเปิดกว้างให้ลูกค้า จากการเปิดให้ลูกค้าจองซื้อหุ้นกู้และพันธบัตรตลาดแรกผ่านแอปฯธนาคาร ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับดีเกินคาด ธุรกรรมเติบโตรวดเร็ว สะท้อนความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อ digital wealth platform ที่ธนาคารสร้างขึ้น
“เราจึงได้เดินหน้าเพิ่มบริการจองซื้อหุ้นกู้ตลาดรองเข้ามาเพิ่มเติมในแอป CIMB THAI Digital Banking ยิ่งช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้ามีต่อเนื่อง หัวใจสำคัญที่ต้องทำงานคู่กันกับ digital wealth platform คือ ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษาการลงทุน และ relationship manager ที่เข้าใจความต้องการของลูกค้า” นายพอลกล่าว
ด้านการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อย ธนาคารจะขยับมาปล่อยสินเชื่อผ่านดิจิทัลมากขึ้น ทั้งสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรีไฟแนนซ์ และสินเชื่อส่วนบุคคล และจะมีการประสานพลังการทำงานกับบริษัทลูก 2 แห่ง คือบริษัท ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ และบริษัท เวิลด์ลีส ในการให้บริการสินเชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์แกลูกค้า ตามลำดับ เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้ารายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของซีไอเอ็มบี ไทย และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรและคู่ค้าของธนาคาร ตลอดจนใช้ประโยชน์จากดิจิทัลมากขึ้น
ด้านธุรกิจรายใหญ่ ธนาคารจะเดินหน้าสนับสนุนลูกค้ารายใหญ่ ด้วยการเพิ่มคุณค่าให้บริการทางการเงินในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายแข็งแกร่งในอาเซียนของกลุ่มซีไอเอ็มบี และการที่ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย นำอาเซียนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจ ยิ่งทำให้ธนาคารสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดนได้แข็งแรงขึ้น ค้นหาพันธมิตรรายใหม่ ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกของแหล่งเงินทุนที่กว้างขึ้น และเปิดโอกาสขยายธุรกิจเติบโตตลาดต่างประเทศ อาทิ กัมพูชา เวียดนาม ฯลฯ
ในส่วนของธุรกิจบริหารเงิน ปีนี้ธนาคารจะขยายธุรกิจ Treasury เติบโตต่อเนื่องทั้งกลุ่มลูกค้า wealth รายย่อย และกลุ่มลูกค้า wealth รายใหญ่ โดยใช้ดิจิทัลเข้ามาช่วยขยายธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการจัดจำหน่าย และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ธนาคารจะเพิ่มเติมรายได้ใหม่ๆ อาทิ รายได้อัตราแลกเปลี่ยนจากการชำระเงินและการโอนเงินข้ามพรมแดน และบริการคัสโตเดียน ปีนี้ธนาคารจะรักษาสถานะผู้นำตลาดของการเป็นผู้ออกผลิตภัณฑ์และผู้จัดจำหน่าย หลังจากปี 2564 Treasury ของธนาคารเป็นผู้เล่นหลักในการกำหนดตลาดและเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง THOR (Thai Overnight Repurchase Rate)
นายพอล กล่าวถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ว่า มีกำไรสุทธิจำนวน 2,440.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,150 ล้านบาท หรือ 89.1% จากปีก 2563 แม้รายได้จากการดำเนินงานจะลดลง 3.9% แต่ธนาคารสามารถควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 8.1% และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 25.7%
สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Gross NPLs) อยู่ที่ 7.9 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 3.7% ลดลงเมื่อเทียบกับ 4.6% ณ สิ้นปี 2563 ซึ่งลดลงเนื่องจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพและการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์และกระบวนการในการเก็บหนี้
อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 117.5% เพิ่มขึ้นจาก 93.3% ณ สิ้นปี 2563 ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 8.3 พันล้านบาท เป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท
ตลอดปีที่ผ่านมา ซีไอเอ็มบี ไทย ได้รับการยอมรับจากหลากหลายธุรกิจ แสดงถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จจากธุรกิจที่ธนาคารมีจุดแข็ง ปีนี้และปีต่อๆไป ธนาคารจะยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ให้บริการทางการเงินด้วยนวัตกรรมและส่งมอบบริการอันเป็นเลิศให้ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และสังคม