InnovestX คาด SET แกว่งไซด์เวย์ ลุ้น ครม. คลอดมาตรการออมรายบุคคล ISA หนุนตลาดแก้ปัญหา LTFให้แนวรับ 1,270/1,265 ส่วนแนวต้าน 1,278/1,295
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(2 ธ.ค.) คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/แกว่งขึ้น วันนี้ ครม. จะพิจารณามาตรการเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ นายกฯ ประเมินไม่กระทบงบ "คนละครึ่ง" เฟส 2 สัปดาห์หน้า รมว. คลังจะเสนอมาตรการออมรายบุคคล ISA หนุนตลาดแก้ปัญหา LTF ปัจจัยต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีขึ้น 2 วันติด กดดันจิตวิทยา ทางเทคนิคติดตามการยืนเหนือ 1,275-1,278 ที่เป็นแนวต้านใหญ่ หากยืนเหนือได้จึงจะแกว่งตัวขึ้นรอบใหม่ ยืนไม่ได้ยังแกว่งไซด์เวย์ มีแนวรับ 1,270/1,265 แนวต้าน 1,278/1,295
ประเด็นสำคัญ
• ครม. เศรษฐกิจเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ได้แก่ เงินเยียวยา, จ่ายค่าสินไหมทนแทนโดย คปภ., เงินทดแทนกรณีว่างงาน, ลดภาระค่าใช้จ่าย, การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย, สินเชื่อสำหรับเยียวยา-ฟื้นฟู เป็นต้น ติดตามการเห็นชอบในที่ประชุม ครม. วันนี้
• นายกฯ กล่าวหลังการประชุม ครม. เศรษฐกิจ ว่าได้หารือกับ รมว. คลังแล้ว และยืนยันการเยียวยาและฟื้นฟูน้ำท่วมภาคใต้จะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เฟสสอง
• ครม. เศรษฐกิจเห็นชอบ 3 มาตรการปฎิรูปตลาดทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง คือ บัญชีออมหุ้น (ISA) เพิ่มสิทธิ์ประโยชย์ทางภาษีและเปิดโอกาสลงทุนหุ้น ตปท., มาตรการคล้าย LTF โดยจะแก้ไขปัญหาการขายหุ้นเมื่อครบกำหนด และอนุญาตให้ บจ. ซื้อหุ้นคืน เพื่อแก้ปัญหาการขายออกของ LTF
• กกพ. มีมติลดค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย. 2569 ลงเหลือ 3.88 บาท/หน่วย จาก 3.94 บาท/หน่วย เนื่องจากต้นทุน LNG มีแนวโน้มลดลง มองเป็นลบจำกัด เนื่องจากในระยะยาวคาดแนวโน้มต้นทุนจะลดลงและมีปัจจัยบวกเข้ามาชดเชยจากการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่จาก Direct PPA และ PDP ฉบับใหม่ เป็นต้น
• ธปท. เสนอกระทรวงการคลังปรับปรุงและเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ควบคุมบาทแข็งค่า เช่น ขยายวงเงินรายได้ ตปท. ที่ไม่ต้องนำกลับเป็น 10 ล้านดอลลาร์/ครั้ง จาก 1 ล้านดอลลาร์/ครั้ง, เพิ่มความเข้มงวดก่อนรับทำธุรกรรมเงินตราที่เกี่ยวข้องกับทองคำ, ให้ผู้ค้าทองคำรายงานข้อมูลธุรกรรมเพื่อการติดตาม เป็นต้น
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะยังคงแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1,240-1,290 จุด ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ๆ โดยปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ พ.ย. ซึ่งเราคาดจะหดตัว 0.5%YoY จากที่หดตัว 0.76%YoY ในเดือน ต.ค., ครม. เตรียมพิจารณามาตรการเยียวยาน้ำท่วมใต้และช่วยเหลือสภาพคล่องผู้ประกอบการ SMEs ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ อาทิ ดัชนี PCE ก.ย., ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ พ.ย. ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
PTT: มีปัจจัยกระตุ้นจากข่าว กพช. เห็นชอบหลักเกณฑ์โครงสร้างราคาก๊าซฯ ใหม่สะท้อนต้นทุนมากขึ้น ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง รวมถึงการมุ่งหน้าธุรกิจ LNG มากขึ้น ในขณะที่การทํา Asset Monetization ทําให้ บ. ในกลุ่มแข็งแรงขึ้น มีเป้า Net Debt/EBITDA ไม่เกิน 4-5 เท่า เป้าหมายระยะสั้น 32.00 บาท
BBL: ราคาหุ้นมีโอกาสได้รับ Sentiment บวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 2 วัน ธนาคารมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ คาดว่า ECL จะลดลงทั้ง QoQ และ YoY ใน 4Q68 Valuation ถูกที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ PBV 0.48 เท่า และ PE 7 เท่าในปี 2569 ราคาเป้าหมายระยะสั้น 161.00 บาท