Market

InnovestX คาด SET แกว่งลง  มองแนวรับหลักถัดไป 1,145 จุด 
30 พ.ค. 2568

InnovestX คาดหุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งตัวลง หลังรีบาวด์จากการทดสอบแนวรับ 1,160-1,155 หลายครั้ง และยังไม่ผ่าน 1,180  มองแนวรับหลักถัดไปที่ 1,145 

แนวโน้มตลาดวันนี้ (30 พ.ค.) บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดกลับมาแกว่งลง หลังตลาดรีบาวด์จากการทดสอบแนวรับ 1,160-1,155 ไปหลายครั้งแล้วและการขึ้นยังไม่สามารถผ่าน 1,180 ได้ โดยที่ระดับ 1,160-1,155 หากลงหลุดต่ำกว่าจะมีแนวรับหลักถัดไปที่ 1,145 การรีบาวด์ยังคงมีแนวต้านที่เดิม 1,175/1,180 คาดตลาดเริ่มซึมลงก่อนวันหยุดยาว และข่าวศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐฯ มีคำสั่งคืนสถานะมาตรการภาษีของทรัมป์ที่เคยถูกศาลการค้าระงับจะกลับมากดดัน

ประเด็นสำคัญ

•    Reuters รายงานว่า เมื่อวาน 29 พ.ค. ศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐฯ มีคำสั่งคืนสถานะมาตรการภาษีของทรัมป์ที่เคยถูกศาลการค้าระงับ โดยไม่ระบุเหตุผลชัดเจน พร้อมกำหนดให้คู่ความยื่นคำชี้แจงภายใน 5 และ 9 มิ.ย. ทำให้ช่วงนี้สหรัฐยังสามารถกลับมาเก็บภาษีได้กดดันตลาดหุ้น 

•    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงาน 1Q68 GDP ครั้งที่สองหดตัว 0.2%QoQ ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้และประมาณการครั้งแรกที่หดตัว 0.3%QoQ เทียบกับ 4Q67 ที่ขยายตัว 2.4%QoQ

•    ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐคืนนี้ เป็นตัวเลขที่เฟดให้ความสนใจในการติดตามเงินเฟ้อ ตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 2.2% จากครั้งก่อน 2.3% 

•    การปรับน้ำหนักดัชนี MSCI จะมีผล ณ ราคาปิดในวันนี้ โดย MSCI Global Standard Index ไม่มีหุ้นเข้า แต่มีหุ้นออก 3 หุ้น (BEM, CRC และ KTC) ส่วน MSCI Global Small Cap Index มีหุ้นเข้า 2 หุ้น (AWC และ BEM) และมีหุ้นออก 8 หุ้น (AURA, BPP, DOHOME, GUNKUL, JAS, JMART, M และ PRM)

•    สศค. แถลงภาวะ ศก. การคลัง เม.ย. 2568 ยังคงได้รับแรงสนุนจากการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และการบริโภคภาคเอกชน แต่การท่องเที่ยวจากต่างชาติชะลอตัวต่อเนื่อง ส่วนเสถียรภาพ ศก. ยังอยู่ในเกณฑ์ดีจากอัตราเงินเฟ้อคงอยู่ในกรอบและสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ยังคงอยู่ในกรอบที่ 64.4%

•    OPEC+ จะมีการประชุมเพื่อหารือการเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบใน ก.ค. ในวันที่ 31 พ.ค. นี้ โดยในช่วงก่อน 8 ประเทศสมาชิกได้ส่งสัญญาณจะเร่งเพิ่มการผลิตเป็น 3 เท่าที่ +4.11 แสนบาร์เรล/วัน กดดันราคาน้ำมันดิบปรับลง

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัว รอปัจจัยใหม่หลังประกาศผลประกอบการ 1Q68 แล้ว และแนวโน้มช่วง 2H68 มีโอกาสชะลอตัวจากผลกระทบภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ทำให้เกิดแรงขาย ส่วนการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ จะไม่เป็นรูปแบบทวิภาคี แต่สหรัฐฯ จะประกาศฝ่ายเดียวในอีก 2-3 สัปดาห์ ทำให้กลับมามีความไม่แน่นอนอีกครั้ง รวมถึงการเคลื่อนไหวของขั้วการเมืองก่อนสภาพิจารณางบฯ ปี 2569 หากดัชนีปรับลงหรือพักตัวมาที่ 1155/1120-1100 เรามองเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมสำหรับลงทุนระยะยาว ประเมินสถานการณ์สงครามการค้าโลกในแง่ของอัตราภาษีที่ระดับสูงสุดมีโอกาสผ่านไปแล้ว แต่ยังเสี่ยงจากระดับอัตราภาษีที่ไทยจะได้รับสูงกว่าคู่แข่งการค้าหลัก ติดตาม MSCI Rebalance ในสัปดาห์นี้ กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy” 

Daily top picks

BCH: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการเป็นหุ้น Defensive และแนวโน้มรายได้ในเดือนเม.ย.-พ.ค.ของ BCH เติบโต YoY และ QoQ ถือว่าดี เพราะปกติแล้วไตรมาสที่ 2 จะเป็นโลว์ซีซัน คงมุมมองเชิงบวกว่ากำไรปกติของ BCH จะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 15% ในปี 2568 เป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มการแพทย์ 

DIF: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า แนวโน้มใน 2Q68 คาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีสูงถึง 11% ในปี 2568 และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกสองครั้งใน 2H68 จะเป็นปัจจัยกระตุ้นได้ ประเมินการลดดอกเบี้ยครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย.
 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com