Market

ส.นักวิเคราะห์หดเป้าดัชนี 1,646 จุด  ชู 4 หุุ้นเด่นน่าลงทุน BBL - BEM - CPN - KBANK 
4 ก.ค. 2565

สมาคมนักวิเคราะห์ คาด GDP ปี 65 ขยายตัว 3.18 % หดเป้าหมายดัชนีสิ้นปี จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 1,747 จุด ลงเหลือ 1,646 จุด แนะปรับพอร์ตการลงทุนหุ้นไทยเหลือ 27.39%  เผย 4 หุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์เห็นตรงกัน BBL - BEM - CPN - KBANK 


นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน แถลงผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ ต่อมุมมองด้านการลงทุนครึ่งปีหลังของปี 2565 โดยครั้งนี้มีผู้ตอบแบบสำรวจ 24 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ 20 บริษัท บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 3 บริษัท และบริษัทโกลด์ฟิวเจอร์ส 1 บริษัท 


โดยส่วนใหญ่มองสมมติฐาน GDP ปี 65 ยังคงฟื้นตัว โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.18% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการสำรวจครั้งก่อน (เม.ย.65) ซึ่งเคยใช้สมมติฐานที่ 3.09%

 

คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2565 ของตลาด ถือเป็นข่าวดี  ที่มีค่าเฉลี่ยที่ 94.47 บาทเพิ่มขึ้นกว่าผลสำรวจครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่  89.11 บาทต่อหุ้น และครั้งนี้ คาดการณ์ EPS Growth ของปี 2565 อยู่ที่ 8.20 %

 
ส่วนการคาดการณ์ทิศทางหุ้นไทย ในระยะสั้นช่วงไตรมาสที่ 3 นี้  ส่วนใหญ่คาดว่ามีแนวโน้มทางลบ รองลงมาคาดว่าเป็น Sideways  แต่ก็มีผู้ตอบประมาณ 4% ที่มองว่าเป็นทิศทางบวก โดยมีค่าเฉลี่ย คาดการณ์ดัชนีราคาหุ้นไทย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 1,569 จุด 

 

สำหรับคาดการณ์จุดสูงสุดของ SET Index ช่วงก.ค. - ธ.ค. 65 เฉลี่ยที่ระดับ 1,662 จุด  ส่วนจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,486 จุด และเป้าหมายดัชนี ณ วันสิ้นปี 2565 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,646 จุด ซึ่งลดลง 101 จุดจากระดับคาดการณ์ไว้ครั้งก่อน ที่ 1,747 จุด

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็น

•    เงินสดและเงินฝากระยะสั้น        18.63%
•    กองทุนตราสารหนี้                     14.06%
•    หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย        27.39%
•    หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ  22.92%
•    กองทุนอสังหาฯหรือ REIT           7.31%
•    ทองคำหรือกองทุนทองคำ          8.63%
•    อื่นๆ เช่น น้ำมัน                           1.06%

 

สำหรับ  ในส่วนของการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ในหมวดธุรกิจ ค้าปลีกธนาคาร การท่องเที่ยว สื่อสาร และการแพทย์

 

ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธุรกิจปิโตรเคมี  พลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

 

รายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำ ตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไป มีดังนี้   

 

1. BBL ได้ประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น จากการมีสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นดอกเบี้ยลอยตัว ขณะที่เงินฝากมี 40% ที่ดอกเบี้ยลอยตัว งบดุลแข็งแกร่ง มูลค่าหุ้นถูก มี PER 7 เท่า และ PBV 0.5 เท่า รวมทั้งมี Dividend Yield ที่สูง 4% ต่อปี 

 

2. BEM  แนวโน้มรถใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการเปิดเทอม เปิดเมืองและยังได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ใน ก.ย.นี้

 

3. CPN  มีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดเมือง และการให้ส่วนลดค่าเช่าน้อยลง

 

4. KBANK คาดว่าธนาคารจะมีอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และคุณภาพสินเชื่อที่ปรับดีขึ้น และมีมุมมองเชิงบวกเรื่องการร่วมทุนกับ JMT อีกด้วย

 

ท้ายที่สุด นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำไปยังรัฐบาล เกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยส่วนใหญ่กล่าวถึง การช่วยเหลือประชาชน ทั้งปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การลดค่าครองชีพและการเพิ่มกำลังซื้อแก่ประชาชน เพื่อกระตุ้นการบริโภค 

 

ตามมาด้วย  การช่วยเหลือภาคธุรกิจ ได้แก่ การกระตุ้นการลงทุน การช่วยสภาพคล่องรักษาการจ้างงาน SME รวมถึงสนับสนุนกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานสูงขึ้น  และข้อแนะนำสุดท้าย เสนอให้เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน


 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com