บล.กรุงศรี คาดหุ้นไทยขึ้นทดสอบ 1,710 จุด ก่อนสลับอ่อนตัว จากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง แนะเลือกซื้อรายตัว หุ้นได้ประโยชน์เปิดเมือง ราคาน้ำมันดิบพุง และกลุ่มเทคฯ ที่ฟื้นตัว ชู 2 หุ้นเด่น CENTEL - HMPRO
นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ คาดดัชนีจะขึ้นไปทดสอบ 1,710 จุด ก่อนสลับอ่อนตัวตามแรงหนุนเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง รวมถึงราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังสหรัฐและพันธมิตรเตรียมคว่ำบาตรรัสเซียรุนแรงขึ้น
อย่างไรก็ตามสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ยังมีความไม่แน่นอน หลังผู้นำยูเครนเผยว่า รัสเซียได้สังหารหมู่ชาวยูเครนในเมืองบูชา ส่งผลให้การเจรจาสันติภาพมีความลำบากและกดดันต่อทิศทางการลงทุน
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุน แนะให้เลือกซื้อเป็นรายตัว ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์ จากราคาน้ำมันดิบ และค่าการกลั่นทรงตัวระดับสูง เช่น PTTEP TOP IVL SPRC BCP หุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์การเปิดประเทศ เช่น AOT AAV BA MINT CENTEL ERW CPN CRC HMPRO CPALL MAKRO AMATA WHA และหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ฟื้นตัวขึ้น เช่น KCE HANA SVI BBIK BE8 ADD
ส่วนหุ้นแนะนำวันนี้
CENTEL ราคาเป้าหมาย 44 บาท คาดได้ประโยชน์โดยตรงภาครัฐเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Test and Go) ไม่ต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติตอบรับคึกคัก คาดหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 1 เม.ย. เป็นต้นมา
HMPRO ราคาเป้าหมาย 18.5 บาท คาดแนวโน้มรายได้และกำไรไตรมาส 1/65 ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 64 จากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ รัฐกระตุ้นกำลังซื้อผ่านมาตรการช้อปดีมีนคืน และเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (HMPRO มีสัดส่วนรายได้จากเมืองหลักและท่องเที่ยว 70%ของรายได้รวม)
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่มน้ำมัน- ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์กังวลอุปทานตึงตัวอีกครั้ง: หลังจาก ปธน. โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เรียกร้องให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำตัว ปธน. ปูติน ผู้นำรัสเซีย ขึ้นศาลในฐานะอาชญากรสงคราม หลังมีการพบผู้เสียชีวิตจำนวนมากในยูเครน ขณะเดียวกันบรรดาชาติพันธมิตรเตรียมคว่ำบาตรรัสเซียมากขึ้นเพื่อตอบโต้ต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในยูเครน และทำให้การเจรจาสันติภาพยากลำบากมากขึ้น
(+) ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนในช่วง 3 เดือนข้างหน้าเริ่มปรับตัวดีขึ้น: สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 117.92 ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 113.03 ในการสำรวจครั้งก่อน ตอบรับภาครัฐทยอยเปิดประเทศ กำไร บจ. ออกมาในทิศทางที่ดี แต่ยังมีความกังวลในเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด หุ้นที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุดคือ กลุ่มธนาคาร ส่วนกลุ่มแฟชั่นไม่น่าลงทุน
(+/-) วันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทยคาดยังพุ่งต่อเนื่องแต่ยังไม่น่ากังวล: กระทรวงพาณิชย์จะรายงานอัตราเงินเฟ้อของไทยเดือน มี.ค.ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ เบื้องต้น Consensus คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจจะเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 5.7-6.3% จาก 5.28% ในเดือน ก.พ. อย่างไรก็ตามยังมองว่าปัจจัยนี้ยังไม่น่ากังวลเนื่องจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทานหรือจากราคาน้ำมันเป็นหลักจึงมั่นใจว่าเงินเฟ้อที่พุ่งสูงยังไม่กดดันให้แบงก์ชาติต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย