หุ้นไทยวันนี้ คาด   SET ปรับตัวขึ้นแนวต้าน 1,645 - 1,650 จุด รับข่าวบวกของสหรัฐคาดเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ดัชนี PCE เดือนเม.ย. ชะลอตัว ส่งผล เฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพุ่งขึ้นยังหนุนการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ช่วง 2 วันสุดท้ายจบเดือน พ.ค. ติดตามผลประชุม EU คว่ำบาตรนำเข้าน้ำมันรัสเซียหรือไม่  แนะนำหุ้น CPALL TOP

 
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     (30 พ.ค.) นักวิเคราะห์จาก บล. กรุงศรี ประเมิน SET ปรับตัวขึ้นแนวต้าน 1,645 - 1,650 จุด ตอบรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วหลังดัชนีราคาใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐเดือนเม.ย. ชะลอตัวลงส่งผลให้ FED สามารถชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับแรงหนุนกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน

สำหรับวันที่ 30 – 31 พ.ค.นี้ ติดตามการประชุม EU ในการทำข้อตกลงคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy แนะนำ หุ้น PTTEP TOP IVL SPRC BCP BANPU รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบ ค่าการกลั่นและราคาถ่านหิน ทรงตัวระดับสูง ส่วน AOT MINT CENTEL ERW BDMS BH BEM BTS CPALL ได้อานิสงส์การเปิดประเทศ และหุ้นเข้า MSCI มีผล 31 พ.ค. Global Standard Index  ได้แก่  JMT / Global Small Cap ได้แก่  ASK, BYD, DITTO, FORTH, KEX, PSG, SABUY, STGT, STARK, VIBHA

หุ้นแนะนำวันนี้

- TOP (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 63 บาท) คาดความต้องการใช้น้ำมันดิบและสำเร็จรูปในภูมิภาคเพิ่มขึ้นหลังจากจีนเตรียมคลายล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ 1 มิ.ย. นี้ และเตรียมคลายล็อกกรุงปักกิ่งบางส่วน เป็นบวกต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่น

- CPALL (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 77 บาท) ได้ประโยชน์เปิดเรียน  รัฐเปิดสถานบันเทิงเริ่ม 1 มิ.ย. และเดินหน้าเปิดประเทศคาดหนุนยอดขายของ 7-11 เพิ่มขึ้นทั้งสาขาใหม่และสาขาเดิม เดินหน้าเปิดสาขาใหม่ 700 สาขาคาดปลายปีเข้าใกล้ 14,000 สาขา

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+)  คาดหวังเงินเฟ้อสหรัฐผ่านจุดสูงสุดมาแล้วหลังดัชนี PCE Price Index เริ่มปรับตัวลง : ดัชนีการใช้จ่ายของผู้บริโภค (PCE Price Index) ซึ่งเป็นตัวแทนเงินเฟ้อของเฟดเริ่มปรับตัวลง โดย PCE Price Index เดือน เม.ย. ลดลงสู่ระดับ 6.3% จาก 6.5% ในเดือน มี.ค. และ Core PCE Price Index ลดลงสู่ระดับ 4.9% จาก 5.2% ในเดือน มี.ค. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า เงินเฟ้อสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว

(+/-) ยอดส่งออกเดือน เม.ย.ของไทยยังขยายตัวแต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ : กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 9.9% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (yoy) แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 14.5%yoy และเมื่อหักทองคำและน้ำมันยอดส่งออกเพิ่มขึ้นเพียง 6.9%yoy  เป็นผลจากมูลค่าการส่งออกไปยังตลาดจีนหดตัว 7.2% อันเป็นผลกระทบจากมาตรการ Zero Covid

(+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม อาทิ EU Meeting, เชี่ยงไฮ้คลายล็อกดาวน์ และ OPEC+ meeting : สหภาพยุโรปจะจัดประชุมสุดยอดในวันที่ 30-31 พ.ค. เพื่อลงมติแบนการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย ขณะที่ 1 มิ.ย. ติดตามว่าเชี่ยงไฮ้จะคลายล็อกดาวน์เต็มรูปแบบได้หรือไม่ และในวันที่ 2 มิ.ย. ติดตามการประชุมของกลุ่ม OPEC+ คาดคงปริมาณการผลิตที่ระดับ 432,000 บาร์เรลต่อวันตามเดิมเป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบ