Market

BGRIM โชว์กำไร 2,275 ล้าน  บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.27 บาท XD 11 มี.ค.65 
25 ก.พ. 2565

BGRIM โชว์กำไร 2,275 ล้าน หลังรายได้จากการขายไฟเพิ่มขึ้น ดันรายได้รวมเพิ่มขึ้น 5.8% เป็น 46,628 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเพิ่มอีกหุ้นละ 0.27 บาท XD 11 มี.ค.65   วางเป้าปีนี้ ซื้อโครงการใหม่อย่างน้อย 1 กิกะวัตต์ เพิ่มกำลังผลิตจากการดำเนินการ 10-15%

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM รายงานผลการดำเนินงานปี 2564 มีกำไรสุทธิ 2,275.70    เพิ่มขึ้น 4.6% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,174.75 ล้านบาท 

โดยรายได้รวมในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.8% เป็น 46,628 ล้านบาท มีปริมาณไฟฟ้าที่ขาย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.4% เป็น 14,794 กิกะวัตต์/ชั่วโมง จาก 1) การเติบโต 17.5% ของปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้า IU ในประเทศจากการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้า IU รายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 43.1 เมกะวัตต์ ในปี 2564 และลูกค้ารายเดิม 2) การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ray Power ในประเทศกัมพูชา ในเดือน ธ.ค. 2563 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม BTW ในประเทศไทย ในเดือน ส.ค. 2564 ขณะที่รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนามลดลง จากการแบ่งแยกกิจการของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ DT1&2 ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงจากการล็อคดาวน์จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความเข้มแสงที่ลดลง

ในส่วนของ EBITDA ลดลงจากปีก่อน 4.7% เป็น 12,392 ล้านบาทในปี 2564 และร้อยละ 19.7 สำหรับไตรมาส 4/64 เป็น 2,495 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA margin ลดลงจากปีก่อน 26.6% และลดลง 19.2% สำหรับไตรมาส 4/64 เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น การซ่อมบำรุงตามแผนของโรงไฟฟ้า SPP ที่มากขึ้นและรายได้ที่ลดลงจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม

ผลการดำเนินงานที่มีกำไร คณะกรรมการบริษัท จึงมีมติ จ่ายปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลัง หุ้นละ 0.27 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล วันที่ 14 มี.ค.65 และกําหนดจ่ายเงินวันที่ 12 พ.ค.65

สำหรับแนวโน้มปี 2565 บริษัทได้วางแผนการดำเนินงานไว้ดังนี้
 
- วางเป้าหมายการได้มาของโครงการใหม่ๆ อย่างน้อย 1 กิกะวัตต์ เพิ่มกำลังการผลิตจากการดำเนินการ 10-15% จากการเข้าซื้อกิจการและการเปิดดeเนินการเชิงพาณิชย์ และเพิ่มจeนวนลูกค้า IU รายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า อย่างน้อย 55 เมกะวัตต์
 
- ลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติ โดย 1) การแทนที่ 5 โครงการ โรงไฟฟ้า SPP เดิม ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งช่วยลดปริมาณการใช้ก๊าซลง 15% ต่อโครงการ และ 2) การปรับปรุงประสิทธิภาพโครงการโรงไฟฟ้า BPWHA และ ABP4 จะช่วยลดต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติลง 20-25 ล้านบาทต่อปี

- การดำเนินการตามแผนควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 100 ล้านบาท

- การเพิ่มขึ้นของค่า Ft 16.71 สตางค์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็น 1.39 สตางค์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในเดือน ม.ค.-เม.ย. 2565 และคาดการณ์ ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีกในระหว่างปี

- ต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยที่ 350-400 บาทต่อล้าน BTU โดยคาดว่าจะสูงสุดในไตรมาส 1/65

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com