Market

แสนสิริโชว์ยอดขาย 4 เดือน ทะลุ 1 หมื่นล้าน Q2 เปิด 11 โครงการใหม่ ลั่นปี 65 โตตามเป้า 34%
19 พ.ค. 2565

แสนสิริ โชว์ผลงานยอดขาย 4 เดือน ทะลุ 10,500 ล้านบาท คิดเป็น 30% จากเป้าหมายทั้งปี 35,000 ล้านบาท มั่นใจปี 65 ผลงานโตทะลุ 34% ยอดขายหลักจากโครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ทยอยสร้างเสร็จและส่งมอบลูกค้าได้อีกจำนวนมาก หลังไตรมาสแรก สร้างรายได้รวม 5,220 ล้านบาท กำไรสุทธิ 303 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% ของรายได้รวม  พร้อมบุ๊ครายได้จากการบริหารโรงแรมในกลุ่มสแตนดาร์ดฯ ทั่วโลก เติบโต 70% ล่าสุด เปิดตัว“อณาสิริ รามคำแหง” มูลค่า 1,000 ล้านบาท  เผยไตรมาส 2 เปิดตัว 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 13,800 ล้านบาท แย้มแผนผนึกพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น "โตคิว กรุ๊ป" เตรียมพัฒนาโครงการแนวราบบนทำเล “กรุงเทพกรีฑา”เติบโตสูงเป็นโครงการแรก เปิดตัวปีนี้


นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทสามารถทำยอดขายในช่วง 4 เดือน ทะลุ 10,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% จากเป้าหมายปีนี้ยอดขาย 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 7,400 ล้านบาท คิดเป็น 70% และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม อีก 3,100 ล้านบาท หรือ 30% โดยบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริได้รับการตอบรับมากที่สุด รองลงมา คือไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่แบรนด์ XT และทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ สิริ เพลส ดรีม เดสติเนชัน สะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์แสนสิริที่มีดีมานด์ครอบคลุมในทุกระดับราคา ทั้งบ้านเดี่ยวระดับบน คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองจับกลุ่มคนรุ่นใหม่และแบรนด์ทาวน์โฮมระดับราคาเข้าถึงง่าย สิริ เพลส ที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการมีบ้านหลังแรก

 

“แสนสิริมั่นใจว่า จะสร้างผลงานยอดขายได้ 35,000 ตามเป้าหมายที่วางไว้ เติบโตขึ้น 34% โดยในครึ่งปีหลังแสนสิริจะมีรายได้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จากโครงการแนวราบที่ได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ที่จะทยอยสร้างเสร็จและส่งมอบให้กับลูกค้าได้อีกจำนวนมาก” นายอุทัย กล่าว 

 

 ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 65 แสนสิริสามารถทำรายได้รวมได้ถึง 5,220 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 4,288 ล้านบาทซึ่งมาจากการโอนโครงการแนวราบถึง 80% และโครงการคอนโดมิเนียมอีก 20% โดยรายได้จากการขายโครงการมิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮมแบรนด์ อณาสิริ โกยรายได้ 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 10% จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการอณาสิริ ชัยพฤกษ์-วงแหวน โครงการ อณาสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี และโครงการอณาสิริ รังสิต โกยแชมป์รายได้สูงสุด ทั้งนี้ รายได้จากการตอบรับโอนที่อยู่อาศัยจากกลุ่มลูกค้าที่ดีอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกและส่งผลให้แสนสิริมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งโดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 303 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% ของรายได้รวม โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 5.6% โดยปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการ

 

นอกจากนี้จากสถานการณ์โควิดที่เริ่มดีขึ้น การผ่อนคลายของมาตรการและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ดี ยังส่งผลให้แสนสิริ มีรายได้ค่าบริหารโรงแรมจากจากการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนกว่า 62% ในสแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของเครือโรงแรม The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) สร้างรายได้จากการบริหารโรงแรมในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้อีก 106 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 2  นายอุทัย กล่าวว่า แสนสิริวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีกประมาณ 11โครงการ มูลค่ารวม 13,800 ล้านบาท โดยล่าสุดแสนสิริได้ตัวโครงการ “อณาสิริ รามคำแหง” มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท บ้านแฝดและทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่จำนวน 272 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 99 – 148 ตารางเมตรกับ 4 แบบบ้าน 4 ฟังก์ชัน รองรับการอยู่อาศัยในทุกรูปแบบความต้องการ ในราคาจับต้องง่าย 3.69 – 8 ล้านบาท  รวมถึงโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมในไตรมาส 2 ซึ่งการดำเนินงานตามแผนธุรกิจที่วางไว้จะทำให้แสนสิริสร้างผลงานได้ตามเป้าหมายยอดขาย – ยอดโอน 35,000 ล้านบาท ตามที่วางไว้

 

นอกจากนี้ จากศักยภาพของทำเล “กรุงเทพกรีฑา” ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง จากการเป็นทำเลที่อยู่อาศัยคุณภาพ รวมทั้งยังเป็นทำเลที่เดินทางสะดวก ด้วยเส้นทางคมนาคมที่หลากหลายและเดินทางเข้าสู่ย่านธุรกิจได้โดยง่าย  ทั้งถนนศรีนครินทร์ - ร่มเกล้า หรือถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ขนาด 6 เลน เชื่อมต่อสู่ถนนสายสำคัญเข้าสู่เมือง อาทิ ถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า, ถนนกรุงเทพกรีฑา, ถนนพระรามเก้า – มอเตอร์เวย์, ถนนพัฒนาการ และถนนหัวหมาก รวมทั้งรถไฟฟ้าอีก  3 สาย ทั้งแอร์พอร์ตเรลลิงค์ เส้นทางพญาไท - สุวรรณภูมิ ที่เดินทางเข้าสู่ CBD ได้อย่างรวดเร็วและโครงการรถไฟฟ้าที่จ่อคิวเปิดให้บริการในอนาคตอีก 2 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยแสนสิริได้พัฒนาสังคมที่อยู่อาศัยคุณภาพในทำเลนี้มาแล้ว 2 โครงการ ขนาดพื้นที่รวม 155 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 7,500 ล้านบาท 

 

"ล่าสุด พันธมิตรที่สำคัญของแสนสิริ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ยังได้ให้ความสนใจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกัน จากการมองเห็นศักยภาพของการพัฒนาเมืองในทำเลนี้ หลังจากประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกันในก่อนหน้านี้มาแล้ว โดยคาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้"นายอุทัยกล่าว 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com