Market

ADD ทุ่มเงิน 140 ล้าน ปิดดีลลงทุน 7C เข้าถือหุ้นสัดส่วน 46%  
14 มี.ค. 2565

บมจ. แอดเทค ฮับ ทุ่มเงิน 140 ล้าน ลงทุนใน บริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ สัดส่วน 46.73% ต่อยอดธุรกิจในรูปแบบ Digital Transformation คาดปิดดีล เม.ย. นี้ ส่งซิกเดินหน้าเจรจาลงทุนกิจการเพิ่มอีก

 

นายสมโภช ทนุตันติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) หรือ ADD ผู้ดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการระบบสนับสนุนบริการดิจิทัลคอนเทนต์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่และให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้บริษัทฯ ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ จำกัด (“7C”) จำนวน 9,300 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 46.7337 ของหุ้นสามัญที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุนของ “7C” โดยจะชำระค่าตอบแทนเป็นเงินสด จำนวน 140.20 ล้านบาท  

 

สำหรับ บริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านบัญชี การวางระบบควบคุมภายใน การปรับโครงสร้างกิจการ การควบรวมกิจการ และที่ปรึกษาในการเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้แก่บริษัทต่างๆ มากกว่า 30 บริษัท รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่แล้วอีกหลายบริษัท โดยคาดว่าหลังการเข้าทำรายการ “7C” จะมีบริษัทย่อยจำนวน 2 บริษัท ดังต่อไปนี้

 

1 . บริษัท มาย โค๊ดดิ้ง โรแมนซ์ จำกัด (MCR) ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทย่อยของ 7C โดยเป็นการร่วมลงทุนกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาบุคลากรด้านไอทีและนักลงทุนในธุรกิจไอที เพื่อประกอบกิจการจัดอบรมและจัดให้มีการเรียนการสอนและพัฒนาบุคลากรด้านไอที โดยมี “7C” ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51.00 ของหุ้นทั้งหมดของ “MCR”

 

2.  บริษัท ไท-ไท วิศวกร จำกัด (TTE) ซึ่งปัจจุบัน 7C ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น ในบริษัท  ไท-ไท วิศวกร จำกัด จากผู้ถือหุ้นเดิมเรียบร้อยแล้ว  โดย “TTE” เป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม มีประสบการณ์ในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้กับโครงการขนาดใหญ่ต่าง ๆ จำนวนมากในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เช่น One Bangkok, Central Embassy, Samyan Mitrtown, Singha Complex และ THE FORESTIAS by MQDC เป็นต้น ซึ่งกระบวนการการเข้าลงทุนใน “TTE” ของ “7C” คาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายในวันที่ 29 เมษายน 2565  

 

ทั้งนี้ “ADD” ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อประเมินมูลค่าของ “7C” และ “TTE” เป็นที่เรียบร้อย โดย “7C” มีมูลค่ายุติธรรมส่วนของผู้ถือหุ้นประมาณ 224.62 -335.08 ล้านบาท และ “TTE” มีมูลค่ายุติธรรมส่วนของผู้ถือหุ้นประมาณ 91.73 – 110.55 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 316.35 – 445.63 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาตามสัดส่วนการถือหุ้นของ “ADD” ที่ 46.7337% จะมีมูลค่ารวมกันประมาณ 147.84 – 208.26 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาที่เสนอขาย และโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในอนาคตแล้ว เชื่อว่าการเข้าลงทุนของ “ADD” ในครั้งนี้จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นในระยะยาว” 

 

สำหรับการเข้าลงทุนใน “7C” ครั้งนี้ เป็นการต่อยอด และสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในเรื่องของผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทฯให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังสามารถต่อยอดความรู้ด้านเทคโนโลยีของบริษัทฯ ในการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัล (Digital Transformation) เข้ามาช่วยในการวางรากฐานระบบการทำงานและการดำเนินธุรกิจ ให้แก่บริษัทที่กำลังเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้การดูแลของ “7C” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเสริมสร้างกันทางธุรกิจ (Synergy)ในระยะยาว นอกจากนี้กระบวนการ Digital Transformation ดังกล่าวยังสามารถเข้ามาช่วยบริษัทต่างๆ ในการลดต้นทุนในการบริหารจัดการ เพื่อให้กำไรจากการประกอบกิจการเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน  

 

นอกจากดีลดังกล่าว บริษัทฯยังได้เตรียมงบลงทุนไว้อีกกว่า 150 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ส่วนเม็ดเงินในการลงทุนนั้น มาจากการระดมทุนไอพีโอในปีที่ผ่านมา ประกอบกับการดำเนินธุรกิจมีผลกำไรต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ สามารถจ่ายเงินปันผลงวดปี 2564 เพิ่มเติมอีกจำนวน 0.14 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 21 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี 
 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com