แนวโน้มตลาดวันนี้ (12 กย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/แกว่งขึ้น ยังติดตามความคืบหน้าในการจัดตั้ง ครม. และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพิ่มเติมเป็นความหวังของตลาด ส่วนนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันกลับมาซื้อสุทธิพร้อมกันในระดับพันลบ. ตัวเลขขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์สหรัฐฯ เพิ่มสูงสุดในรอบ 4 ปี หนุนให้เฟด ลดดอกเบี้ย ตลาดรอดู DotPlot ทางเทคนิคยังเป็นการแกว่งตัวขึ้น หากยังไม่หลุด 1280/1270 ยังไม่เสียแนวโน้มการแกว่งขึ้น แนวต้านประเมินที่ 1295/1300 มีโอกาสทดสอบ
ประเด็นสำคัญ
• ว่าที่ รมช. คลัง เสนอ ธปท. ดูแลค่าเงินบาทแบบ Smoothing Operation หรือการซื้อ-ขายเงินตราต่างประเทศในตลาดเพื่อลดความผันผวนและชะลอการแข็ง/อ่อนจนเกินไป แต่หลีกเลี่ยงการตรึงหรือกดค่าเงินให้ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน เพื่อหลีกเลี่ยงถูกตีความเป็นการ “แทรกแซง” ค่าเงินตามกฎ FX Manipulation โดยสหรัฐฯ
• ผู้ว่าฯ ททท. เสนอ “ทัวร์ไทยคนละครึ่ง” กระตุ้นการท่องเที่ยวไทย เพื่อรับมือภาวะบาทแข็งค่าซึ่งกระทบต่อจำนวน นทท. ต่างชาติ โดยใช้งบประมาณที่เหลือจาก “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” และจะเร่งเสนอต่อรัฐบาลใหม่และหนุนให้เกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้รอติดตามความชัดเจนอีกครั้ง เบื้องต้นมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อกลุ่มโรงแรม
• CPI สหรัฐฯ ใน ส.ค. 2568 ขยายตัว 2.9%YoY ตามที่ตลาดคาดไว้และ 0.4%MoM สูงกว่าที่ตลาดคาดและเร่งตัวจากเดือนก่อน จากราคาพลังงาน, อาหาร และที่อยู่อาศัย แต่ตลาดประเมินว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า หลังจากจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี ตลาดแรงงานอ่อนแอหนุนเฟดลดดอกเบี้ย
• IEA ปรับขึ้นคาดการณ์เติบโตอุปสงค์น้ำมันโลกปี 2568 ขึ้นเล็กน้อยสู่ +740kBD จากอุปสงค์กลุ่ม OECD ที่ทนทานต่อภาวะ ศก. ที่ไม่แน่นอน และจีนคงเพิ่มสต็อกน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่องซึ่งช่วยประคองราคาน้ำมันและรองรับภาวะอุปทานล้นเกินมากขึ้น โดยล่าสุด OPEC+ ได้เริ่มกลับมาตรการลดการผลิตแบบสมัครใจ 1.66MBD
• ม. หอการค้าไทยประเมิน “คนละครึ่ง” หากนำกลับมาใช้ใน 4Q68 ภายใต้งบ 2.5 หมื่นลบ. คาดจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ ศก. ได้อย่างน้อย 5 หมื่นลบ. และประกอบกับการเร่งเบิกจ่ายงบปี 2569 ประเมินจะช่วยหนุน GDP ทั้งปี 2568 เติบโตกว่า 2.5%
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวขึ้น หลังสถานการณ์การเมืองไทยมีความชัดเจนขึ้น รอติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนฟื้นตัว โดยคาด Fund Flow จะทยอยไหลเข้าและประเมินแนวต้านที่ 1300 ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐ CPI ออกมาตามคาด หนุนให้เฟดจะลดดอกเบี้ยต่อในสัปดาห์หน้าขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB ยังคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิมตามที่ตลาดคาด กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
GPSC: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากราคาก๊าซ และ Bond Yield ลดลง และเงินบาทแข็งค่า คาดว่ามีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มจาก Data Center ในไทยและมีความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนในธุรกิจ Data Center คาดกำไรปกติปี 2568จะเติบโต 12%YoY จากการเพิ่มกำลังการผลิต, ต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง ราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 43.50 บาท
CENTEL: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากความหวังมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคท่องเที่ยว เช่น “ทัวร์ไทยคนละครึ่ง” นักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์หดตัว YoY ที่แคบลง กำไรมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ขาดทุนจากโรงแรมใหม่ในมัลดีฟส์เริ่มแคบลงและคาดเห็นการเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ 3Q68 ราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 33.25 บาท