GABLE หุ้นน้องใหม่ ผู้นำ Tech Enabler ลั่นระฆังเทรดวันแรก ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังสูง กว่าราคาจอง 0.91บาท หรือ 14.24%
หุ้น บมจ.จีเอเบิล หรือ GABLE ผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลครบวงจร เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันนี้ (9 พ.ค.) เป็นวันแรก ไม่ทำให้นักลงทุนที่จองซื้อในราคาไอพีโอ 3.90 บาท ผิดหวัง เปิดตลาดที่ 7.30 บาท สูงกว่าราคาจอง 0.91 บาท หรือ 14.24% และระหว่างชั่วโมงซื้อขายขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 7.60 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 6.75 บาท
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. จีเอเบิล (GABLE) เปิดเผยว่า ขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจลงทุน ร่วมเดินเคียงคู่ไปกับบริษัท และสัญญากับทุกท่านที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสนับสนุนให้บริษัทเติบโตตามกลยุทธ์ที่วางไว้ทั้งในเชิงธุรกิจและการขับเคลื่อนสังคม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทย
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพและธุรกิจที่บริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม รองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
บริษัทมีจุดเด่นของรายได้จากการให้บริการที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง (Recurring Income) ณ สิ้นปี 65 อยู่ในระดับ 51% เพิ่มเสถียรภาพและสร้างความมั่นคงให้กับบริษัทได้ในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้น จีเอเบิลยังมีงานโครงการและบริการที่รอส่งมอบ (Backlog) สูงถึง 4,100 ล้านบาท จึงมั่นใจว่า GABLE จะเป็นผู้นำบริษัทด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนในระยะยาวได้
GABLE ดำเนินธุรกิจให้บริการโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลครบวงจรสำหรับองค์กรชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรมมายาวนานกว่า 33 ปี โดยมุ่งเน้นกลุ่มโซลูชั่นระดับองค์กร (Enterprise solution and Services) ที่มีความต้องการสูงในธุรกิจยุค Digital transformation เช่น Cyber Security, Cloud และ Data Center, Data Analytic และการบริหารจัดการข้อมูล เป็นต้น และเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้แก่ Oracle และ Veritas รวมถึงการต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการให้บริการ Software Platform ที่บริษัทพัฒนาและเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทมีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) มูลค่าประมาณ 4,050 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2566-2570