Market

“WHAUP” ปิดดีลส่งท้าย Q1/65 ติดตั้ง Solar Farm ให้บริษัท ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย)  
21 เม.ย 2565

บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ปิดจ็อบไตรมาส1/2565 คว้าดีลติดตั้ง Solar Farm ให้“ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย)” บนพื้นที่รวม 10,000 ตารางเมตร มูลค่าลงทุน 30 ล้านบาท ตามนโยบายรักษ์โลก ช่วยลดต้นทุนด้านการใช้พลังงานไฟฟ้า 
 
ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับงานติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) ของ บริษัท ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับ เทียร์   4 ทันสมัยที่สุดในประเทศไทยและอาเซียน บนขนาดพื้นที่ติดตั้ง 10,000 ตารางเมตร มูลค่าลงทุน 30 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (EEC) 

จากการเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกที่มีการใช้พลังงานหมุนเวียนของซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิตอลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในภูมิภาค รวมถึงช่วยสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้กับลูกค้าของซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ได้อีกด้วย

โครงการนี้จะเริ่มการก่อสร้างในเดือนเมษายน และจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และพร้อมให้บริการในเดือนตุลาคม ปี 2565 โดยหน่วยไฟฟ้าที่คาดว่าจะผลิตได้ตลอดอายุการใช้งานคาดว่าจะอยู่ที่  37,725 ล้านหน่วย ซึ่งบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) จะสามารถสร้างรายได้จากโครงการนี้ทันทีที่เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม  

ดังนั้น WHAUP มั่นใจว่าเป้ายอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สะสมในปีนี้ จะเพิ่มเป็น 150 เมกะวัตต์ จากปีก่อนที่มียอดเซ็นสัญญาสะสม 92 เมกะวัตต์ ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน

นางสุนิตา บ๊อตเซ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ที่เลือก บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ให้เป็นผู้ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและความปลอดภัย รวมถึงประสบการณ์ในการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ จึงมั่นใจในศักยภาพและความเป็นมืออาชีพ 

โดยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน เพื่อลดการใช้พลังงานตามเป้าหมายด้านความยั่งยืน และเพื่อรองรับการใช้งานไฟฟ้าภายในดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้บริษัท สามารถลดค่าไฟฟ้า และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Offset) ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 18,250 ตัน 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com