บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และบริการเลนส์สายตาพลาสติกอย่างครบวงจร กลายเป็นหุ้นเข้าตาโบรกเกอร์ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 13.50 บาท คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2565 จะทำสถิติสูงสุดใหม่

โดยมุมมองของ บล.เคทีบีเอส คาดว่า ในไตรมาส 4 /64 กำไรสุทธิของ TOG น่าจะอยู่ที่ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 37%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หากเทียบกำไรปกติลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ฟื้นตัว 119% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

กำไรที่ฟื้นตัวสูงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มาจาก 1) COVID-19 ที่ผ่อนคลายขึ้น โดยเฉพาะภูมิภาคออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์รวมถึงมี ความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการที่ผู้บริโภคต้องการจับจ่ายใช้สอย หลังจากที่หยุดหรือลดการใช้จ่ายในช่วงก่อนหน้า บางส่วนหลังคลายล็อกดาวน์ และ 2) การเร่งใช้กรมธรรม์ของกลุ่มประกันสุขภาพสายตาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยคาดว่าปี 2564 จะมีกำไร 255 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 274% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
  
พร้อมทั้งปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้นอีก 13% เป็น 311 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยหลักมาจากการปรับสมมติฐานการเติบโตของรายได้ เพิ่มขึ้น จากเดิม 8% เป็น 12% เมื่อเทียบกัช่วงเดียวกันปีก่อน

เพราะมองว่าทิศทางผลการดำเนินงานจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้ปัจจัยหนุนจาก 1) การทำการตลาดของคู่ค้าบริษัท Specsavers ที่มีแผนเชิงรุก มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดแคนาดาที่ Specsavers เพิ่งมีการทำ M&A ในปี 2564 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นบวกต่อบริษัท  2) แม้จะมีปัจจัยรบกวน จากโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่โอมิครอน แต่จากเคสส่วนใหญ่ที่ไม่รุนแรง ทำให้มีโอกาสน้อยที่จะเห็นการใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มงวด 3) กลยุทธ์การผลักดันสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เลนส์พลาสติกมูลค่าเพิ่ม ต่อเนื่อง ซึ่งช่วยหนุนมาร์จิ้น และ 4) แผนการขยายตลาดที่มีโอกาสขยายตัวสูงจากฐานที่ยังต่ำ เช่น ตะวันออกกลางและแอฟริกา ขณะที่การเจรจากับคู่ค้าในอินเดียคาดเห็นความชัดเจนในครึ่งหลังของปีนี้ 

จากปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ฝ่ายวิจัยแนะนำ"ซื้อ" โดยปรับราคาเป้าหมายใหม่ขึ้นเป็น 13.50 บาท จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 12 บาท โดยอิงค่าพี/อี เรโช ในปี 2565 ที่ระดับ 20.6 เท่า ขณะที่ราคาหุ้น TOG ยังน่าสนใจ เพราะซื้อขายกันที่ พี/อี 16 เท่า