บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR หุ้นขวัญใจมหาชน ใกล้จะประกาศงบไตรมาส 2/65 ออกมาแล้ว ซึ่งโบรกเกอร์คาดหมายว่า ในไตรมาสนี้กำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น ทั้งในส่วนธุรกิจน้ำมัน และนอน-ออยล์ และแน่นอนว่าจะช่วยเกื้อหนุนราคาหุ้นให้แข็งแกร่งตามไปด้วย และต่างแนะนำก็ซื้อ ส่วนโบรกเกอร์แต่ละแห่งคาดการณ์กำไร และให้ราคาเป้าหมายเท่าไหร่ไปติดตามกัน
เริ่มจาก บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ ที่คาดการณ์ว่า กำไรของ OR ในไตรมาสนี้ จะอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 72% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และโตถึง 61% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นเพราะคำการตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าค่าการตลาดน้ำมันของ OR ในไตรมาส 2/65จะเพิ่มขึ้นถึง 229% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และโต 32% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.50 บาท/ลิตร หลังจากที่รัฐบาลตัดสินใจลอยตัวราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล โดยเริ่มต้นที่ 32 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม และทยอยปรับขึ้นสัปดาห์ละ 1 บาท/ลิตร ตามความเหมาะสมจนกว่าจะชนเพดานที่ 35 บาทลิตร
กำไรที่โตทำสถิติใหม่ ทำให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้นอีก 32% เป็น 1.66 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งขยับราคาเป้าหมายใหม่ จากเดิมที่ 26.50 บาท เป็นที่ระดับ 33.50 บาท โดยอิงจาก PE เท่าเดิมที่25 เท่า เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มประมาณการกำไรในปีนี้
ส่วน บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดว่ากำไรตรมาส 2/656 ของ OR จะอยู่ที่ราว 5,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 40% จากไตรมาสก่อน ซึ่งกำไรไตรมาส 2/65 สูงสุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ พร้อมกันนี้ ได้ปรับประมาณการกำไรปกติในปี 2565 ขึ้นอีก 29% มาอยู่ที่ 15,416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน รวมทั้งปรับราคาเป้าหมายปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 27 บาท เป็น 28 บาทต่อหุ้น
เช่นเดียวกับมุมมอง บล.กสิกรไทย ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 29.9 บาท โดยปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น คือ กำไรไตรมาส 2/65 ที่คาดว่าจะแข็งแกร่ง คาดจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 5.9 พันล้านบาท จากอัตรากำไรและปริมาณขายที่สูงขึ้นทั้งธุรกิจน้ำมัน Cafe Amazon รวมถึง SG&A ที่ทรงตัว
ส่วนบล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ของ OR จะอยู่ในระดับสูงถึง 4.70 พันล้านบาท เติบโต 47% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 23% จากไตรมาสก่อน ปัจจัยหนุนสำคัญนำจะอยู่ที่ค่าการตลาดของสถานีบริการน้ำมันปลีก, ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งในธุรกิจน้ำมันและไม่ใช่น้ำมัน และปริมาณขายที่อยู่ในระดับสูงของ Cafe Amazon ซึ่งอาจทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 91 ล้านแก้วในไตรมาส 2/65
โดยคาดว่าไตรมาส 2/65 ธุรกิจน้ำมันจะมีรายได้ 1.70 แสนล้านบาท เติบโต 55% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 3% จากไตรมาสก่อน จากความต้องการเดินทางที่ฟื้นตัวกลับในประเทศไทยและทวีปเอเชีย ด้าน Cafe Amazon น่าจะรายงานการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในแง่จำนวนแก้วที่ขายได้ 91ล้านแก้ว เติบโต 10% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งน่าจะทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์
โดยยังคงให้แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 32 บาท เพราะกำไรสุทธิรายไตรมาสที่ดีขึ้นติดต่อกันของบริษัทฯ น่าจะเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นปรับขึ้น
ส่วนความเห็นของ บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 32 บาท ประเมินว่าแนวโน้ม 2Q22 ทิศทางของผลกำไรจะดีขึ้น QoQ โดยคาดว่าค่าการตลาดจะยังดีหลังจากที่รัฐฯ ปรับเพดานราคานามันดีเซลเพิ่มขึ้นจาก 30 เป็น 32 บาทต่อ ลิตร และปริมาณขายน้ำมันให้โรงไฟฟ้าน่าจะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะโรงไฟฟ้าหลายโรงมีการปรับจากการใช้ก๊าซมาเป็นน้ำมัน ดีเซล เนื่องด้วยราคาก๊าซที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมาก และไตรมาส 2 เป็นช่วงการใช้ไฟฟ้าค่อนข้างมาก