บล.กสิกรไทย มองแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ให้แนวต้าน  1,710 จุด ปัจจัยต้องติดตาม สถานการณ์โควิด เงินทุนต่างชาติ ความตึงเครียดสงครามรัสเซีย-ยูเครน และผลประกอบการ บจ. ไตรมาส 1/65 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (25-29 เม.ย.) มีแนวรับที่ 1,675 และ 1,660 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,700 และ 1,710 จุด 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/65 ของบริษัทจดทะเบียน

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนมี.ค. รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/65 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ของจีน ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/65 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน

สำหรับหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน จากย่อตัวลงช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ตามแรงฉุดในหุ้นกลุ่มธนาคารระหว่างรอดูผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 1/2565 อย่างไรก็ดี ดัชนีพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นในช่วงต่อมา สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิหุ้นไทยของต่างชาติในช่วงกลางสัปดาห์ ประกอบกับมีอานิสงส์จากความหวังต่อการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมของภาครัฐ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อหุ้นหลายกลุ่ม แต่ช่วงบวกของหุ้น ถูกจำกัดในช่วงปลายสัปดาห์ หลังเฟดส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลปัญหาเงินเฟ้อ

ในวันศุกร์ (22 เม.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,690.59 จุด เพิ่มขึ้น 0.97% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 70,003.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.26% ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 5.07% มาปิดที่ 688.90 จุด

ขณะที่ระหว่างวันที่ 18-22 เม.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,292.46 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็นขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 11,686 ล้านบาท

สำหรับค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (25-29 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.70-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ส่วนค่าเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 4 เดือนที่ 33.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ ช่วงปลายสัปดาห์ โดยในวันศุกร์ (22 เม.ย.) เงินบาทปิดตลาดที่ 33.93 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.65 บาท ในวันอังคารก่อนหน้า (12 เม.ย.)