Market

InnovestX คาด SET เแกว่งตัวไซด์เวย์ และรอติดตามการประชุม กนง. วันนี้
13 ส.ค. 2568

แนวโน้มตลาดวันนี้ (13 ส.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์  มองตลาดจะเแกว่งตัวไซด์เวย์/ปรับตัวขึ้นหลังพักฐานลดความร้อนแรงไปในระดับหนึ่งในปลายสัปดาห์ก่อน ติดตามการประชุม กนง. ในวันนี้ซึ่งเบื้องต้นตลาดคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลง 25bps ทั้งนี้ด้านเทคนิค ยังคงมีแนวต้านเช่นเดิมที่ 1270/1282 จุดหากผ่านได้จะกลับมาขึ้นรอบใหม่ และแนวรับที่ 1255/1250 จุด การพักฐานสั้นไม่ควรหลุดต่ำกว่าแนวรับ

 

ประเด็นสำคัญ

• ปธน. ทรัมป์ลงนามขยายเวลาชะลอเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีนอีก 90 วัน จากข้อตกลงเดิมที่จะหมดอายุในสัปดาห์นี้ (สหรัฐฯ เก็บภาษีจีน 30% และจีนเก็บภาษีสหรัฐฯ 10% และกลับมาส่งออก Rare Earth) 

 

• จีนกำชับให้บริษัทในประเทศหลีกเลี่ยงใช้ชิปรุ่น H20 ของ Nvidia โดยเฉพาะงานที่เกี่ยงข้องกับรัฐหรือความมั่นคง เนื่องจากมีความกังวลต่อประเด็นช่องโหว่จากช่วงก่อนที่ Nvidia และ AMD ได้ตกลงยอมแบ่ง 15% ของยอดขายชิปให้จีนแก่รัฐบาลสหรัฐ เพื่อแลกกับอนุญาตส่งออก

 

• OPEC มองตลาดน้ำมันจะตึงตัวขึ้น และเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวอุปสงค์โลกปี 69 เป็น +1.38MBD และปรับลดคาดการณ์ขยายตัวอุปทานของ Non-OPECเหลือ +630kBD ทำให้ OPEC+ เดินหน้าเพิ่มการผลิตเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดคืนจากก่อนหน้านี้ที่ได้ลดการผลิตเพื่อพยุงราคา

 

• จำนวน นทท. ต่างชาติมาไทยในสัปดาห์ก่อน +7.1%WoW ที่ 627,339 คน หนุนจากญี่ปุ่นที่เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว และ Summer Holiday ในหลายภูมิภาค เช่น มาเลเซีย จีน ส่วนจำนวน นทท. ต่างชาติสะสมทั้งปีนี้ที่ 20,197,119 คน ต่ำกว่าจากปีก่อน 6.9%YoY

 

• ภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ก.ค. 68 ขยายตัว 2.7%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 3.1%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ การขยายตัวหนุนจากค่าที่พัก, ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าเดินทาง

 

• ประธานสภาผู้แทนฯ นัดประชุมสภาฯ วาระพิเศษเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบฯ 2569 ในวาระสองและสาม วงเงิน 3.78 ล้านลบ. ระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค. 68

 

• สต็อกน้ำมันปาล์มมาเลเซีย ก.ค. 68 สูงสุดรอบ 19 เดือน อาจกดดันราคา ราคาน้ำมันปาล์มช่วงถัดไปเป็นลบต่อผู้ผลิต–ส่งออก UVAN UPOIC VPO CPI LST APO PCE และผู้ได้รับผลลบทางอ้อม TVO แต่เป็นบวกต่อผู้ผลิตอาหาร–ขนม TKN SNNP TFMAMA จากต้นทุน

 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสชะลอตัว โดยประเมินแนวต้านที่ 1280/1300 หลังดัชนีปรับขึ้นมายืนเหนือ 1250 จุด (PER 14 เท่า) ซึ่งสะท้อนการปลดล็อก Overhang จากปัญหาภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ แล้ว อย่างไรก็ดี ด้วยอัตราภาษีที่ไทยได้รับที่ระดับ 19% ใกล้เคียงคู่แข่งในอาเซียน ทำให้มองว่าไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันที่ดีในตลาดสหรัฐฯ ส่งผลให้ความเสี่ยงที่กดดันตลาดก่อนหน้านี้คลี่คลายลง ประกอบกับ ปีนี้ SET ปรับลง 10%YTD แย่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก จนทำให้ปัจจุบัน Valuation ของ SET < -1SD ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว จึงมอง Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้ระยะกลาง SET มีโอกาสกลับขึ้นไปซื้อขายกรอบบน PER ที่ระดับ 14-16 เท่า หรือ 1242-1419 จุด  ดังนั้นมองการปรับหรือพักฐานระยะสั้นของ SET เป็นจังหวะซื้อ กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET ระยะสั้นมีโอกาสชะลอตัวใกล้บริเวณแนวต้าน แต่ดัชนียังมีโอกาสปรับขึ้นต่อหาก Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

 

1. หุ้น Earnings Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ AMATA GULF BCH SCCC

 

2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET100 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT SIRI TTB

 

3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Laggard Play ซึ่งคาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเลือกหุ้น SET50 ซึ่งราคาหุ้นปรับขึ้น MTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก โดยมี PBV และ PER 2568F < -1SD อีกทั้งมีพื้นฐานดี (กำไรเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมี ESG Ratings A-AAA) แนะนำ BDMS CPALL MINT PTT WHA 2) เก็งกำไรหุ้นใน SET50 ที่ทางเทคนิคยังต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และเราแนะนำ Outperform ได้แก่ BCP CBG GULF MTC 3) หุ้นที่เราคาดกำไร 2Q68 ไว้ดีกว่าที่ตลาดคาดในช่วงโค้งสุดท้ายสัปดาห์หน้า แนะนำ BGRIM CENTEL PTT PTTGC

 

Daily Top Picks

IVL: มองเป็นหุ้นธีม China Play ที่มีแรงหนุนระยะสั้นจากโอกาสได้รับประโยชน์กรณีสหรัฐฯ ชะลอการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าจีนออกไปอีก 90 วัน ขณะที่กำไร 2Q68 คาดเป็นระดับต่ำก่อนทยอยฟื้นในครึ่งหลังปี โดยกำไรไตรมาสนี้น่าจะได้แรงหนุนจากธุรกิจ C-PET และส่วนต่างราคาขาย Integrated PET ที่ปรับตัวสูงขึ้น

 

BDMS: มองเป็นหุ้น Defensive และยัง Laggard ซึ่งมีโอกาสได้อานิสงส์จาก Fund Flow ไหลเข้า ราคาหุ้นยังถูกเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง BH ขณะที่คาดกำไร 2Q68 จะเพิ่มขึ้น YoY จากรายได้ที่เพิ่ม แต่ลดลงQoQ ตามฤดูกาล ส่วน Valuation อยู่ใน ระดับต่ำที่ PE ปี 2568 ที่ 19 เท่า (ต่ำกว่า -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต) ช่วยจำกัด Downside 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com