บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค เปิดงบ 9 เดือน กำไร 70 ล้านบาท โตแตะ 100% โกยรายได้ขายกว่า 400 ล้านบาท พุ่ง 170% รับอุตสาหกรรมเกษตรสดใส หนุนความต้องการใช้อุปกรณ์เครื่องจักรพุ่ง ไตรมาส 4 รอรับรายได้เพิ่ม ดันปีนี้รายได้โต 40% เปิดแผนลุยธุรกิจกัญชงและพืชกะท่อมสูบ
บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM รายงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้จากการขาย จำนวน 437.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.57 ล้านบาท หรือร้อยละ 64.42 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 70.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.70 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 103.87 YoY
ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 128.10 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 76.96 YoY ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 19.41 ล้านบาท เเติบโตร้อยละ 54.58 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมการเกษตรมีการเติบโตที่ดีขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2564 ไม่มีปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง ทำให้สถานการณ์การผลิตพืชดีกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับในช่วงครึ่งปีแรก ราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ให้เกษตรกรเพิ่มปริมาณการผลิต
โดยภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาส 3/2564 มีขยายตัวร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการเติบโตจากการเพาะปลูกพืช ที่ขยายตัวร้อยละ 9.6 และการให้บริการทางการเกษตร ที่ขยายตัวร้อยละ 4.8 โดยสินค้าของบริษัทฯมียอดขายที่เติบโตขึ้นในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ยกเว้นสินค้าประเภทใบเกลียวที่ในไตรมาส 3/64 มียอดขายลดลงร้อยละ 17.18 เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 3/63 เนื่องจาก Supply Chain ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้สายการผลิตหยุดชะงักชั่วคราว ส่งผลให้ยอดขายของสินค้าดังกล่าวลดลงในไตรมาสนี้
นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมการเกษตรซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ KWM ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากแรงขับเคลื่อนในการใช้สินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นจากดีมานด์การใช้กลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์เกษตรที่มีความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงราคาสินค้าที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เป็นแรงผลักดันให้เกษตรกรขยายการผลิตเพิ่มขึ้นตาม
นอกจากนี้ บริษัทฯได้วางงบลงทุนไว้ 50 ล้านบาท เพื่อเพิ่มเครื่องจักรในการผลิตไลน์ใหม่ ซึ่งจะเป็นไลน์การผลิตที่ 3 ในระบบออโตเมชั่น ที่สามารถลดการใช้แรงงานและสามารถผลิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1/2565 นอกจากนี้ยังมีแผนขยายการลงทุนในคลังสินค้าเพื่อรองรับความต้องการสินค้าช่วงไฮซีซั่น ที่มีความต้องการสินค้ามากกว่าช่วงเวลาปกติ 2-3 เท่าตัว ซึ่งคลังสินค้าดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2565
พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเครื่องสกัดสารด้วยระบบ SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION เพื่อสกัดสารจากพืชสมุนไพรไทย โดยล่าสุดได้มีการเปิดตัวเครื่องสกัดเป็นรุ่นที่ 2 KWM EXTRACTOR 2.0 ภายใต้รูปแบบการสกัด Supercritical CO2 Extraction (ในกลุ่มธุรกิจ SOIL-OIL-EXTRACTION) ที่การันตีศักยภาพเครื่องสกัดสัญชาติไทยที่เปรียบเท่าเครื่องสกัดจากต่างประเทศ โดยใช้ระยะเวลาในการสกัด 4 - 6 ชั่วโมง ซึ่งได้ส่งมอบเครื่องสกัดเป็นรุ่นที่2 ให้กับลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และยังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการเข้าติดตั้งเครื่องสกัด KWM Extractor 1.0 ให้กับลูกค้ารายใหม่อีกไม่ต่ำว่า 2 ราย โดยคาดว่ามีโอกาสจะติดตั้งไม่ต่ำกว่า 5 เครื่องภายในสิ้นปีนี้
--------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1