แนวโน้มตลาดวันนี้ (2 ต.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์ ตลาดมีแรงซื้อกระจุกตัวใน DELTA ค้ำตลาด ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ ส่วนการปิดหน่วยงานราชการสหรัฐฯ ไม่มีผลต่อตลาดสถิติในอดีตชี้ผลตอบแทนเป็นบวกทั้งไทยและสหรัฐฯ ทางเทคนิคตลาดยังแกว่งตัวในกรอบ ยังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1290-1293 ได้ และการลงก็ยังไม่หลุดต่ำกว่า 1268 รอการเบรคทะลุ โดยหากอ่อนตัวลงหลุดต่ำกว่า 1268 อีกจะเป็นสัญญาณลบ เป็นการแกว่งตัวลงรอบใหม่และมีแนวรับถัดไปที่ 1260
ประเด็นสำคัญ
• นายกฯ จะฟื้นการประชุม ครม. เศรษฐกิจในทุกช่วงบ่ายวันจันทร์ โดยจะเริ่มครั้งแรกใน 2 สัปดาห์ถัดจากนี้หลังจาก รมต. ได้เข้ากระทรวงและพบปะ ขรก. ด้านรมว. คลังเผยจะเสนอหลักการโครงการ “คนละครึ่งพลัส” วงเงิน 6.6 หมื่นลบ. ในการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า คาดจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ช่วงวันที่ 20-26 ต.ค. และเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2568
• รมว. คลังได้เตรียมมาตรการกระตุ้น ศก. อื่นๆ เช่น กระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองผ่านการลดหย่อนภาษี, การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบภายรัฐ-วิสาหกิจ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด เบื้องต้นประเมินนโยบายกระตุ้นศก. ทั้งหมดจะหนุน 4Q68 GDP เติบโตได้เกิน 1% จากเดิม 0.3%
• กกร. คงประมาณการส่งออกปี 2568 เติบโต 2-3% โดยมีปัจจัยกดดันจากบาทแข็งค่าต่อเนื่อง แต่ถ้าค่าเงินบาทอ่อนตัวได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้และรัฐบาลสนับสนุน มองว่าการส่งออกอาจเติบโตทะลุเป้าได้ และแนะรัฐบาลเร่งยกระดับ Regional Value Content เพื่อรักษาความสามารถการแข่งขัน มองว่าระดับเหมาะสมที่ 40%
• การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ จัดทำโดย ADP ใน ก.ย. 2568 ลดลง 32,000 ตำแหน่ง เป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ มี.ค. 2566 และทบทวนตัวเลขใน ส.ค. 2568 เหลือลดลง 3,000 ตำแหน่ง สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวต่อเนื่อง
• วานนี้ (1 ต.ค.) รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ภาวะ Shut Down อย่างเป็นทางการ อาจทำให้หน่วยงานรัฐถูกพักงานหรือปลดออกและเสี่ยงที่จะไม่มีการรายงาน Nonfarm Payroll และ CPI สหรัฐฯ ของ ก.ย. 2568 มองความผันผวนของตลาดจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้น และจากสถิติในอดีตที่เกิดขึ้น 20 ครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่ากระทบต่อตลาดทุนจำกัดและหลังเหตุการณ์คลี่คลายตลาดจะปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 0.6% ในสัปดาห์ถัดไป
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ 1260-1300 จุด โดยปจจัยในประเทศติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะแผนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน ส่วนปจจัยต่างประเทศติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสําคัญ อาทิ PMI จีนและสหรัฐฯ รวมทั้งตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าตัวเลขจะออกมาไม่ได้แย่กว่าที่ตลาดกังวล ทําให้ไม่กดดันตลาดหุ้นไทยมากนัก แต่หากอ่อนแอมากขึ้น คาดจะทําให้ตลาดมีคาดหวังมากขึ้นต่อการเร่งปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในระยะถัดไป ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนําให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
OR: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับลง แนวโน้มกำไร 3Q68 คาดฟื้นตัวได้จากฤดูกาลท่องเที่ยว ความต้องการใช้น้ำมันตามฤดูกาลที่เพิ่มขึ้น และการขยายสาขา Café Amazon และร้านสะดวกซื้อยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้นไว้ที่ 14.50 บาท
DIF: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง โดย INVX คาดว่า กนง. จะลดดอกเบี้ย 25bps อีก 1 ครั้งในการประชุมที่เหลือของปี นอกจากนี้คาดกำไรหลัก 3Q68 โตได้ทั้ง YoY และ QoQ จากดอกเบี้ยที่ทยอยลด โดยการลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps ช่วยหนุนกำไร 70 ลบ./ปี ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 9.30 บาท