หุ้นไทยวันนี้ มีแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกเสี่ยงหดตัว และศก.อังกฤษอาจเข้าภาวะถดถอยไตรมาส 4 นี้ ท่ามกลางเงินเฟ้อสูง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบร่วงแรง เป็นลบหุ้นพลังงาน คาด SET แกว่งตัวกรอบแคบ 1,590 - 1,610 จุด
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (5 ส.ค.) นักวิเคราะห์จากบล.กรุงศรี ประเมิน SET แกว่งตัว 1,590 - 1,610 จุด โดยภาวะตลาดถูกกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจโลกหดตัวหลังธนาคารกลางยุโรป (BOE) ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 1.75% พร้อมเตือนเศรษฐกิจอังกฤษถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 (Q4/65) ถึงปี 2566 แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงสูง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงแรงซึ่งเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามแรงซื้อหุ้นรายตัวและหุ้นงบ Q2/65 เติบโตจะช่วยหนุนให้ดัชนีสลับรีบาวด์ขึ้นได้
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy แนะนำหุ้น GPSC BGRIM GULF RATCH SCGP SCC EPG ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง และหุ้น KCE HANA DELTA อานิสงส์หุ้นกลุ่ม Tech ฟื้นตัวขึ้น ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดว่างบ 2Q22 เติบโต CKP GFPT TFG TOP SPRC BANPU IVL SNNP CPN CENT
หุ้นแนะนำวันนี้
- GPSC (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 78 บาท) แรงกดดันต่อต้นทุนพลังงานเริ่มลดลงหลังจากแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบเริ่มชะลอตัวเป็น Sentiment บวกกับโรงไฟฟ้าประกอบกับมีประเด็นเรื่องการปรับขึ้นค่า Ft ให้เก็งกำไรเป็นบวกกับผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนของโรงไฟฟ้า SPP และมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นภาคอุตสาหกรรมสูง
- CBG (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 130 บาท) ราคาลดลงสะท้อนข่าวพม่าสั่งระงับการจ่ายชำระหนี้ต่างประเทศไปแล้ว แนวโน้มงบ 2Q22 ทยอยฟื้นตัว แตะครึ่งปีหลังจะโดดเด่นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและได้ผลบวกจากต้นทุน โดยเฉพาะอะลูมิเนียมซึ่งเป็นต้นทุนกระป๋องของ CBG ปรับตัวลงต่อเนื่อง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) กลุ่มน้ำมัน – ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงแตะระดับ 88 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน : ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.12 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 88.54 ดอลลาร์/บาร์เรล นักลงทุนยังวิตกกังวลกับาวะเศรษฐกิจถดถอยซึ่งจะส่งผลกระทบต่อดีมานด์ที่ชะลอตัว โดยการถดถอยของ เศรษฐกิจเริ่มเห็นสัญญาณที่ชัดขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐ ที่ GDP ติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส ขณะที่จีน GDP อาจจะต่ำกว่าระดับ 5.5 จากนโยบาย Zero Covid ที่เข้มงวด
(+/-) Nonfarm payrolls วัดความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ : สหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm payrolls) และอัตราการว่างงานในวันนี้ ตัวเลขดังกล่าวจะชี้วัดความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานในสหรัฐหากตัวเลขออกมาดีจะช่วยทำให้ตลาดคลายกังวลกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้จะเป็นแรงกดดันต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดแต่คาดว่าแรงกดดันดังกล่าวจะไม่สูงเหมือนช่วงที่ผ่านมา
(+/-) ติดตามเงินเฟ้อไทยเดือน ก.ค. ก่อน BoT meeting สัปดาห์หน้า : ยังมีความไม่แน่นอนสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของบ้านเราระหว่าง 0.25% หรือ 0.5% ซึ่งปัจจัยที่จะเป็นตัวบ่งชี้คืออัตราเงินเฟ้อโดยจะมีการประกาศตัวเลขดังกล่าวในวันนี้ เบื้องต้น Consensus คาดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือน ก.ค.จะเพิ่มเป็น 8.3% จาก 7.66% ในเดือน มิ.ย.หากตัวเลขสูงกว่าที่ Consensus คาดอาจจะกดดันให้แบงก์ชาติขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5%