Market

BCPG 9 เดือน กำไร 1.7 ล้านบาท โต 20% รับรู้รายได้โรงไฟฟ้าใหม่ 3 แห่ง
10 พ.ย 2564

บมจ.บีซีพีจี Q3 กำไร 684 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 40% อานิสงส์ช่วงไฮซีซั่น และรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าใหม่ทั้งลาว-ไทย  รวมถึงส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าอินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายการบริหารลดลงจากไตรมาส 2 โดยภาพรวม 9 เดือนกำไรจากดำเนินงาน 1.7 พันล้าน โต 20% บล. CGS แนะ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 18 บาท  

 

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่มบริษัทฯ BCPG  แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2564 และงวด 9 เดือน ปี 2564  มีกำไร 684.7 ล้านบาท และ 1,773.1 ล้านบาท ตามลำดับ โดยไตรมาส 3 บันทึกกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 708.8 ล้านบาท เติบโตจาก ไตรมาสที่ 3/2563 และจากไตรมาสที่ 2/2564 ที่อยู่ 10.3% และที่อยู่ 40.7 ตามลำดับ

 

โดยไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 10.3% YoY มีปัจจัยดังต่อไปนี้

1. การรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ใน สปป. ลาว คือ “Nam San 3A” และ “Nam San 3B” มากขึ้น โดยปริมาณผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้นจากปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น และรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยปริมาณผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้นจากแรงลมที่เพิ่มขึ้น

2. ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพที่ ประเทศอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น จากอัตราค่าไฟเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่าย ทางการเงินลดลง และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศ ฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น เนื่องจากแรงลมที่มากกว่าปีก่อo

 

ส่วนการเพิ่มขึ้น 40.7% QoQ มีปัจจัยดังต่อไปนี้

 

1. การรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “Nam San 3A” และ “Nam San 3B” เพิ่มขึ้น จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล (High season) โดยเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล (Seasonal factor) ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำตามปกติ  เช่นเดียวกับการรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเข้าสู่ High season

 

2. ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพที่ประเทศอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น จากอัตราค่าไฟเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายใน การดำเนินงานลดลง

 

3. ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง

 

บมจ. บีซีพีจี รายงานเพิ่มเติมการดำเนินงานช่วง 9 เดือน ปี 2564  กลุ่มบริษัทฯ บันทึกกำไรจากการดำเนินงานปกตทิี่ 1,701.6 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 19.5 จากการดำเนินงานช่วง 9 เดือน ปี 2563 โดยมีปัจจัยดังต่อไปนี้

1. การรับรู้ผลการดำเนินงานเต็ม 9 เดือน จากโครงการใหม่ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ใน สปป. ลาว คือ “Nam San 3B” (เข้าซื้อตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2563) และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยใหม่ 20 เมกกะวัตต์ จำนวน 4 โครงการ (เข้าซื้อตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2563) นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยได้ทำการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า

 

2. การรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “Nam San 3A” และ “Nam San 3B” เพิ่มขึ้น โดยปริมาณการผลิตไฟฟ้าได้ เพิ่มขึ้น จากปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น

 

3. การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น โดยโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพประเทศอินโดนีเซียมีอัตราค่าไฟเพิ่มขึ้น และ ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง พร้อมทั้ง โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศฟิลิปปินส์ได้รับอัตราค่าไฟเพิ่มขึ้น

 

ด้านบทวิเคราะห์ของ บล. CGS วิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการ BPCG ไตรมาส 4/64 ประเมิน กำไรปกติจะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า  (QoQ) เนื่องจากเป็นช่วง Low season สำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) มีการเติบโตเนื่องจากการเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 28 MW ใน Q4/64 และส่วนแบ่งโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซียที่ปรับเพิ่มขึ้น  สำหรับประมาณการปี 2564 รายได้รวม 4,732 ล้านบาท กำไร 2,254 ล้านบาท

 

โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BCPG ราคาเป้าหมาย 18 บาท จากล่าสุด ราคาระหว่างวัน (10 พ.ย.) อยู่ที่ 13.10 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.34% จากวันก่อน 12.80 บาท  โดยคาดว่า BCPG จะประกาศขยายกำลังการผลิตในช่วงไตรมาส 4/64 ถึง ครึ่งแรกปี 2565 เพื่อชดเชยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) ในไทยที่จะหมดสัญญาลง

 

ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่


Facebook : Clubhoon


Website : www.Clubhoon.com


Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com