Market

ส่องหุ้นที่ได้รับผลกระทบ หลังศบค.ยกระดับมาตรการแจ้งเตือนภัยโควิดระดับ 4
9 ม.ค. 2565

ส่องหุ้นที่ได้รับผลกระทบ หลังศบค.ยกระดับมาตรการแจ้งเตือนภัยโควิด เป็นระดับ 4 หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูง มองกลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองกระทบมากที่สุด ขณะที่กลุ่มการแพทย์ BCH,CHG จะโดดเด่น

การประกาศ ศบค. ยกระดับมาตรการแจ้งเตือนภัยโควิดจากเดิมระดับ 3 เป็นระดับ 4 ตามข้อเสนอกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 หลังจากสถานการณ์โควิดลุกลามเข้าสู่ระลอกที่ 5 โดยมีมาตรการ 

1. ปิดสถานที่เสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดการแพร่เชื้อ
2. งดรับประทานอาหาร ดื่มสุราในร้านอาหาร 
3. จำกัดการรวมกลุ่ม กิจกรรมที่มีคนรวมตัวเป็นหมู่มาก
4. งดโดยสารรถขนส่งสาธารณะทุกประเภทโดยไม่จำเป็น 
5.งดเดินทางต่างประเทศ และเดินทางเข้าประเทศต้องกักตัว 

ในความเห็นของบล.เคทีบีเอส มองว่า จากการออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดมากขึ้น จะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ใน ประเทศไทยอยู่ในระดับที่น่ากังวลมากขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นรวดเร็วตั้งแต่หลังปีใหม่ โดยในวันที่ 8 ม.ค.2565 มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 8,511 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปี 2564 ที่ประมาณ 3,000 ราย และมีการคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่อาจเพิ่มขึ้นเป็น 3 หมื่นคนต่อวัน ดังนั้น มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบเป็นลบส่วนใหญ่กับหลายธุรกิจ

บล.เคทีบีเอส ประเมินว่าหุ้นที่จะมีโอกาส underperform มากสุด โดยเลือกจากหุ้นที่จะได้รับผลกระทบมาก และราคาหุ้น outperform ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีโอกาสปรับตัวลงมากสุด ได้แก่ PLANB จากจำนวนคนที่ออกจากบ้านน้อยลง กระทบ การโฆษณาสื่อนอกบ้าน , AAV/ERW จากการเดินทาง ท่องเที่ยวในประเทศที่ลดลง และฟื้นตัวช้ากว่าเดิม และ KBANK มีสินเชื่อเที่ยวกับภาคการท่องเที่ยวและ SME ที่จะได้รับผลกระทบมากสุด

ส่วนหุ้นที่จะได้รับผลบวกจากมาตรการดังกล่าว และมีโอกาส outperform มากสุด ได้แก่ BCH,CHG เนื่องจากได้ประโยชน์จากการรักษาผู้ป่วยโควิด, SMD จากความต้องการเครื่องมือแพทย์สูงขึ้น หากโควิดมีการระบาดรุนแรง, และ MEGA จากความต้องการบริโภควิตามินเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com