ผู้ถือหุ้น SSP ไฟเขียวปันผลทั้งหุ้นและเงินสด กำหนดขึ้น XD วันที่ 5 พ.ค. และจ่ายเงินปันผล 25 พ.ค.นี้ ส่งซิกแนวโน้มผลงานปี 65 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จับตาบิ๊กดีลร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ หวังผลักดันกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 400 เมกะวัตต์ ภายในปี 67 แย้มล่าสุดบริษัทซื้อหุ้น “วินชัย” สัดส่วน 25% เตรียมรับรู้กำไรในไตรมาสแรกนี้
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในวันที่ 26 เมษายน 2565 ที่ผ่านมามีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 10 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.0111111114 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 พ.ค. 2565 กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พ.ค.2565
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยมีความมั่นใจว่า จากแผนการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ จะช่วยสนับสนุนธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานแล้ว 241.5 เมกะวัตต์ โดยวางเป้าหมายเพิ่มเป็น 400 เมกะวัตต์ภายในปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาดีลซื้อกิจการ M&A ร่วมกับพันธมิตรในหลายโครงการทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้
"ความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 22 เมกะวัตต์ เตรียมจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไตรมาส 2 ปี 2567 ส่วนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเฟส 2 ในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างขั้นตอนทำการศึกษาและรอความชัดเจนจากภาครัฐของเวียดนาม" นายวรุตม์กล่าว
โดยล่าสุดบริษัทฯได้เข้าซื้อหุ้น “วินชัย”ทั้งหมด 25% จาก Qian Xing Long มูลค่า 752 ล้านบาท ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ในจังหวัดมุกดาหาร มีสัญญา Adder 3.5 บาทต่อหน่วย (กิโลวัตต์ชั่วโมง) เป็นระยะเวลา 10 ปี ขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2562 และเตรียมรับรู้กำไรเข้ามาทันทีในไตรมาส 1/65
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี 2564 กลุ่มบริษัทมีการเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สามารถสร้างรายได้และกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งกิจการ โดยมีรายได้รวม 2,698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.4% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,935 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 736 ล้านบาท ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) อยู่ที่ 2,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.6% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน