GLOCON เตรียมออก Ready To Eat “อาหารผสมกัญชง” เมนูยอดฮิต “ลาบทอด-ข้าวกระเพรา” ในช่วงไตรมาส 3 ผ่านร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ทั่วประเทศ พร้อมต่อยอดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ “โปรตีนสกัด - Energy Bar - ผงโรยเครื่องดื่ม” ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาทต่อปี 

นายนพพร ภัทรรุจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON เปิดเผยว่า เตรียมเดินหน้าอุตสาหกรรมอาหารผสมกัญชงเมืองไทยอย่างเต็มรูปแบบ หลังรัฐประกาศปลดล็อกกัญชง-กัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ประเภท 5 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา 

โดยเตรียมออกผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน (Ready To Eat) ผสมกัญชง ประเดิมด้วยเมนูยอดฮิต ลาบทอด และข้าวกระเพรา ทดสอบตลาดช่วงไตรมาส 3 นี้ หลังจากคิดค้นพัฒนาสูตรผสมลงตัวในหลายเมนู ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขึ้นทะเบียนจดแจ้งเลขตำรับอาหาร เบื้องต้นคาดว่า ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้จะแล้วเสร็จ พร้อมลุยตลาดได้อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายพันธมิตรหลัก ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ ก่อนจะขยายไปยังโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม 

นายนพพร กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมกัญชงทั่วทั้งโลก มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก Allied Market Research ระบุว่า ในปี 2570 มูลค่าตลาดกัญชงโลกจะสูงถึง 1.86 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบจาก 4.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 21.6% ต่อปี ขณะที่ภาพรวมในประเทศ จากข้อมูลศูนย์วิจัยกรุงศรี ระบุว่า ในปี 2568 มูลค่าตลาดจะขยับแตะ 15,770 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 126%  เทียบจากปี 2564 ที่มีมูลค่าราว 600 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมอาหารถือเป็น 1 ใน 3 ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดจาก 240 ล้านบาทในปี 2564 เป็น 5,600 ล้านบาทในปี 2568 

ดังนั้นภายใต้จุดแข็งในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมด้านผลิตอาหาร และเป็นรายแรกและรายเดียวในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารพร้อมทานของประเทศไทย ที่มีใบอนุญาตสกัดน้ำมัน และผลิตอาหารจากกัญชง GLOCON จึงเตรียมขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ รุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพจากกัญชง อาทิ โปรตีนสกัดจากเมล็ดกัญชง , Energy Bar และผงสกัดโรยเครื่องดื่ม เป็นต้น เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ เบื้องต้นตั้งเป้ายอดขายจากผลิตภัณฑ์กัญชงไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี  

ปัจจุบัน บมจ.โกลบอล คอนซูเมอร์ แบ่งธุรกิจเป็น 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.ธุรกิจอาหารแปรรูปแช่แข็ง อาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน ลูกชิ้นทิพย์ และผลไม้อบแห้ง สัดส่วน 73%, 2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทต่างๆ สัดส่วน 24% และ 3.ธุรกิจเทรดดิ้ง สัดส่วน 3% ของรายได้ทั้งหมด