บมจ. พริ้นซิเพิล แคปิตอล ควัก 300 ล้านบาท ให้บ.ลูกลงทุนซื้อธุรกิจเสริมความงาม ""ผิวดีคลินิก" ถือหุ้น 50% หวังกำไรฯเติบโตกว่า 28%  คาดจะหนุนรายได้เข้า PRINC  190 ล้านบาท ตั้งเป้าต่อยอดบริหารธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนและธุรกิจสุขภาพ (Wellness) พร้อมจ่อขยายสาขาในต่างจังหวัดอีก 4 แห่งภายในปี 66
 

 บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชนและธุรกิจสุขภาพในนาม "เครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์" แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด บริษัทในเครือ PRINC เข้าลงทุนในบริษัท ผิวดีคลินิก เอสเธติคส์ จำกัด หรือ PEWDEE Clinic โดยใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทในการเข้าซื้อหุ้นสามัญจากผู้ขายเป็นเงินจำนวน 252.5 ล้านบาท และจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของผิวดีคลินิกเป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวม 302.5 ล้านบาท ซึ่งมีผลทำให้บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด มีสัดส่วนการถือหุ้นคิดเป็น 55% ขณะที่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ผิวดีคลินิก เอสเธติคส์ จำกัด  มีสัดส่วนการถือหุ้นคิดเป็น 45% และบริหารงานร่วมกัน เพื่อขยายธุรกิจให้บริการด้านผิวพรรณ ศัลยกรรมความงามและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

นายธานี มณีนุตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC กล่าวว่า สาเหตุที่ขยายธุรกิจสู่คลินิกเสริมความงาม เนื่องจากพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ สามารถต่อยอดจากลูกค้าฐานผู้ใช้บริการเดิม ประกอบกับพื้นที่ตั้งของโรงพยาบาลในหัวเมืองสำคัญ เช่น นครสวรรค์, พิษณุโลก, อุบลราชธานี ฯลฯ ยังมีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งภาพรวมอัตราการเติบโตในธุรกิจในธุรกิจคลินิกเสริมความงาม โดยเฉพาะในต่างจังหวัดยังเติบโตได้ดี  โดยจากคาดการณ์ผิวดีคลินิกจะมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อมฯ (EBITDA) เติบโตเฉลี่ย 28.8% ต่อปี  คาดจะทำรายได้ปี 65 ประมาณ 190 ล้านบาท ใกล้เคียงกับรายได้ช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 

ทั้งนี้ PRINC wfhมีแผนจะขยายเข้าสู่ธุรกิจคลินิกเสริมความงาม โดยต่อยอดจากธุรกิจหลักคือการบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชน และตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ คิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งการกระจายรายได้เข้าสู่ธุรกิจคลินิกเสริมความงามและเวลเนสนี้ จะสร้างการเติบโตของรายได้อย่างยั่งยืน

"สถานการณ์โดยรวมเศรษฐกิจ ภาพรวมการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มารับการรักษาพยาบาลในไทย และสถานการณ์การระบาดโควิดโอไมครอนจะทยอยดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ประกอบกับเตรียมขยายธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอางค์ ภายใต้แบรนด์ "ผิวดีคลินิก" เป็นอีกตัว นับเป็นธุรกิจใหม่ที่เสริมที่จะมาเสริมและกระจายความเสี่ยงจากรายได้ให้ธุรกิจหลัก อย่างธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชน มียังคงอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายธานี กล่าว

แพทย์หญิงกุหลาบ จิตต์มิตรภาพ อาจารย์แพทย์ และผู้บริหาร บริษัท ผิวดีคลินิก เอสเธติคส์ จำกัด หรือ "ผิวดีคลินิก" กล่าวว่า ความร่วมมือการลงทุนครั้งสำคัญนี้ จะทำให้ "ผิวดีคลินิก" ขยายฐานลูกค้าผู้ใช้บริการไปต่างจังหวัด และเตรียมต่อยอดไปสู่การให้บริการการดูแลรักษาด้าน Wellness เมื่อมีพาร์ทเนอร์เป็นโรงพยาบาล ทำให้คลินิกสามารถส่งต่อผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลได้ เป็นอีกจุดแข็งด้านเครือข่ายการดูและรักษาที่จะทำให้เข้าถึงฐานลูกค้าทั่วประเทศ 

ด้านการขยายสาขา นอกจากขยายสาขาในพื้นที่ที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่นอย่างห้างสรรพสินค้าแล้ว บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มในพื้นที่โรงพยาบาลในเครือฯ อีกอย่างน้อย 4 แห่ง ได้แก่ รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ (ย่านบางนา กม.7) คาดพร้อมเปิดให้บริการภายในเดือนเมษายน 2565 และคาดเปิดให้บริการภายในปีหน้า (2566) ได้แก่ รพ.พริ้นซ์ ปากน้ำโพ (จ.นครสวรรค์), รพ.พิษณุเวช (จ.พิษณุโลก) และรพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี (จ.อุบลราชธานี) โดยตั้งเป้าขยายสาขารวม7 แห่งภายในปี 2568 จากปัจจุบัน ผิวดีคลินิก มีทั้งหมด 10 สาขาในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล อาทิ  ศูนย์การค้าสยามพารากอน , ศูนย์การค้าไอคอน สยาม ฯลฯ