Market

เอเซียพลัส เปิดสถิติเล่นหุ้นปันผลกำไรชนะตลาด ช่วง 4 เดือนแรก SET HD ผลตอบแทนเฉียด 12%
8 ก.พ. 2565

บล.เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดสถิติเล่นหุ้นปันผลช่วง 4 เดือนแรก ผลตอบแทนชนะตลาด โดย SET HD ผลตอบแทนถึง 11.84% สูงกว่า SET ที่อยู่ 7.28% แนะ 3 หุ้นน่าติดพอร์ต พร้อมชี้แนวโน้มตลาดหุ้นยังมีความผันผวน ฝ่ายวิจัยฯได้อัปเดตหุ้นในพอร์ต 10 หลักทรัพย์ที่แนะนำลงทุนฝ่าความผันผวน พบว่ารอบ 1 เดือนที่ผ่านมา หุ้นที่ทำผลตอบแทนสูงกว่า 6% ได้แก่ CPALL และ KBANK ตามด้วย BH-BEC ส่วนหุ้นที่ผลตอบแทนติดลบ นำโดย ADVANC -4.35% ตามด้วยSTEC และ SCC พร้อมกับปรับจุดตัดขาดทุนเพื่อปิดความเสี่ยงจากความผันผวน

นายภวัต ภัทราพงศ์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS)เปิดเผยว่า  ในช่วง 4 เดือนแรกของทุกปี ผลตอบแทนในอดีตของ SET HD หรือ ดัชนีหุ้นปันผลสูง มักให้ผลตอบแทนบวกและชนะ SETอยู่เสมอ (ไม่นับรวมปี 2563 ที่เกิดการแพร่ระบาดโควิดปลายก.พ.)  โดยจากข้อมูลสถิติย้อนหลัง 5 ปี ดัชนี SET HD ให้ผลตอบแทนถึง 11.84% สูงกว่า SET Index ที่ให้ผลตอบแทน 7.28% โดยในช่วง 4 เดือนปีนี้ ตลาดหุ้นยังมีความผันผวนบ้างจากประเด็นหลักของโลก คือ ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐสูงต่อเนื่อง เร่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว และจำนวนการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ที่ต้องดิตตามสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐ  อย่างไรก็ตาม ความผันผวนเป็นลักษณะ sideway up โดยคาดว่า SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,650-1,750 จุด 
 

 

ฝ่ายวิจัยจึงได้ค้นหาหุ้นปันผลที่ยังน่าลงทุนในช่วงเวลานี้ โดยประเมินจาก 1. หุ้นพื้นฐานดี และ 2 ผลตอบแทนจากเงินปันผลมากกว่า 4%ต่อปี โดย 5 หุ้นปันผลเด่นที่ประเมินว่ายังสามารถลงทุนได้ในช่วงนี้ ได้แก่ 
-บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลของปี 64  อยู่ที่ 5.8% ส่วนราคาเหมาะสมของหุ้นอยู่ที่ 210 บาท ซึ่งล่าสุด ( 7  ก.พ. ) ราคาปิด SCCCอยู่ที่ 164 บาท 
-บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE)ผลตอบแทนปันผล 4.7% ราคาเหมาะสม 35 บาท ล่าสุด (7 ก.พ.) ราคาปิดอยู่ที่ 25.50 บาท
-บมจ. ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ผลตอบแทนปันผล 4.4% ราคาเหมาะสม 5 บาท ล่าสุด ราคาปิดที่ 4.56 บาท 
-บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)  ผลตอบแทนปันผล 4.6% ราคาเหมาะสม 500 บาท ล่าสุด ราคาปิดที่ 382 บาท 
-บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER)ผลตอบแทนปันผล 5.3% ราคาเหมาะสมะ 10.20 บาท ล่าสุด ราคาปิดที่ 7.30 บาท

 

ทั้งนี้ ทิศทางความผันผวนในตลาดหุ้นไทยช่วงต้นปีที่ผ่านมา (4 ม.ค.- 4 ก.พ. 2565) SETปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 4.64 จุด หรือ 0.28% เท่านั้น จากตลาดเปิดทำการวันแรก  (4 ม.ค.) SET ปิด 1,670.20 จุด มีการเคลื่อนไหวขึ้นสลับลง โดยต่ำสุดที่ 1,639.51 จุด ในวันที่ 28 ม.ค. และกลับมาสูงสุดในวันที่ 4 ก.พ. SET ปิดตลาด 1,674.84 จุด

 

นายภวัต กล่าวว่า จากพอร์ตจำลองที่ฝ่ายวิจัยได้จัดทำเพื่อแนะนำการลงทุนหุ้น 10 หลักทรัพย์ให้ลูกค้า  พบว่า ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา  หุ้นที่สามารถฝ่าความผันผวนในตลาดและยังทำผลตอบแทนสูงโดดเด่น ได้แก่ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ผลตอบแทนบวก 6.81% และบมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) +6.54%  ตามด้วย บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์  (BH) +3.89% , บมจ. บีอีซี เวิลด์ (BEC) +2.13% , บมจ. สยามแม็คโคร (MAKRO) +1.94% , บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) +1.67%  ส่วน SCCC +0.62%

 

สำหรับหุ้น 3 บริษัทที่ให้ผลตอบแทนติดลบ โดยราคาหุ้นเฉลี่ยในรอบ 1 เดือน ต่ำกว่าราคาปิด ณ วันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้แก่  
-บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)ติดลบถึง 4.35% ซึ่งในช่วงเวลาราว 1 เดือน  (จาก 30 ธ.ค. 64 - 4 ก.พ. 65) ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 230 บาท สูงกว่าราคาปิด ( 4 ก.พ.) ที่ 220 บาท จึงได้ขยับจุดตัดขาดทุนอยู่ที่ 207 บาท  ส่วนล่าสุดวันนี้ (7 ก.พ. ) ราคาปิด 219 บาท 
-บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC)ติดลบ 0.67% ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 15 บาท สูงกว่าราคาปิด 14.90 บาท (4 ก.พ.) ส่วนจุดตัดขาดทุน 13.80 บาท 
-บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)ราคาหุ้นติดลบ 0.13% ราคาเฉลี่ย 386.50 บาท ล่าสุด (7 ก.พ. ) อยู่ที่ 382 บาท ส่วนจุดตัดขาดทุน 361 บาท
 

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com