ตลาดหุ้นไทยเริ่มเข้าสู่ปี 2565 การวางกลยุทธลงทุนไว้ถูกทิศทาง ย่อมนำพอร์ตมีโอกาสทำกำไร อีกทั้งเดือนมกราคมมักถูกยกให้เป็นเดือนแห่ง January effect คือ ปรากฏการณ์ที่ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวขึ้นแรงหรือให้ผลตอบแทนเป็นบวกจากการลงทุนในเดือน ม.ค.ของทุกปี และเป็นช่วงเวลาที่โบรกเกอร์จะแนะนำนักลงทุนหุ้นจ่ายเงินปันผลดีๆกัน จึงเป็นธีมที่มาแรงในไตรมาสแรก แล้วรู้หรือไม่ว่า ปีที่แล้วหุ้นไทยดีดเด้งให้ผลตอบแทนกลับมาสูงกว่าช่วงก่อนโควิดปี 2562 แล้ว จะมาซื้อหุ้นช่วงนี้แพงไปมั้ย จะคุ้มค่ากับการรอรับเงินปันผลหรือไม่...จะเล่นหุ้นปันผลไม่ให้ติดกับดักได้ยังไง มีคำตอบ!
นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ต่างมองภาพบวกของการเริ่มต้นปีใหม่นี้ นับเป็นปีแห่งความหวังที่ดีกว่าช่วง 2 ปีที่แล้ว ตกอยู่ในวังวนของวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิดมานาน ในปี 2565 การเปิดประเทศและกิจกรรมเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัว จะผลักดันให้ภาคธุรกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ จะต้องติดตามผู้บริหารภาคธุรกิจต่างๆ จะประกาศแผนการขยายธุรกิจและลงทุนต่างๆ เพื่อสร้างกำไรที่เติบโตด้วย
ผลตอบแทนปี 2564 กลับมาสูงกว่าช่วงก่อนโควิด
ตลาดหุ้นได้สะท้อนภาพบวกนี้ไปส่วนหนึ่งเมื่อปลายปี 2564 แล้ว โดยดันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ปิดสิ้นปี 2564 ที่ระดับ 1,657.62 จุด ทำนิวไฮในรอบปีทีเดียว และยังเป็นระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิดในปี 2562 ณ สิ้นปี SET ปิดที่ 1,579.84 จุด
ผลตอบแทนโดยรวมของตลาดหุ้นไทยในปี 2564 สูงถึง 14.37% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ปิดที่ระดับ 1,449.35 จุด (ปีแรกที่เผชิญวิกฤตโควิดหนัก) และอัตราเงินปันผลตอบแทนปีที่แล้ว อยู่ที่ 2.10% รวมกันแล้วสูงกว่า 16% หากดูผลตอบแทนรวมของปี 2563 SET ติดลบ 8% แต่มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.32% โดยรวมผลตอบแทนของปี 2563 ก็ยังติดลบ 5% และย้อนหลังไปดูช่วงก่อนโควิดปี 2562 ผลตอบแทนจาก SET อยู่ที่ 1 % และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.3% รวมกันเท่ากับ 4.3% สะท้อนภาพว่าตลาดหุ้นไทยปี 2564 กลับมาดีกว่าช่วงก่อนโควิดแล้ว
จะเห็นว่าผลตอบแทนตลาดหุ้นในปี 2564 ดีกว่าทั้งปี 2563 และ 2562 สะท้อนว่าปีที่แล้ว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาเร็วเกินคาด แม้ว่ากระแสโควิด “Omicron” ยังกระทบเป็นระลอกๆอยู่ ขณะที่มีการคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียน จะกลับมาราว 9.4 – 9.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับช่วงปี 2562 ที่มีกำไร บจ. รวม 9.4 แสนล้านบาท
กลยุทธการลงทุนปี 2565 หลายๆโบรกเกอร์ต่างๆ ยังมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นปีใหม่นี้ กรณีโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆเชื้อไม่รุนแรงกว่าช่วงที่ผ่านมาและวัคซีนยังเอาอยู่ โดยนักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า เปิดตลาดต้นปี ยังมีแรงส่งต่อจากท้ายปีที่แล้ว โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี มองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยเปิดศักราชปีใหม่นี้ ด้วยปัจจัย sentiment ของ January effect และเทรนด์ลงทุน “หุ้นปันผล” ที่นำตลาด
เนื่องจากนักลงทุนต่างรู้ว่าเป็นช่วงประกาศงบการเงินไตรมาส 4/2564 และงบปี 2564 ของบริษัทจดทะเบียน นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่จะประกาศก่อนในช่วงกลางเดือนมกราคม และตามด้วยบจ.กลุ่มต่างๆ ที่จะทยอยออกมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2565 ส่งผลให้ SET มีทิศทางขาขึ้น โดยให้เป้าหมาย SET ณ สิ้นไตรมาสแรกนี้ที่ 1,730 จุด และ ณ สิ้นปี 2565 คาด SET ปิดที่ 1,780 -1,800 จุด อิง PE เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของ SET ที่ 16.6 เท่า และ 12M-Fwd EPS (อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น คาดการณ์ 12 เดือนข้างหน้า) ที่ 108 บาท
วิธีเล่นหุ้นปันผลให้ไม่ติดกับดัก
แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนหุ้นปันผลต้องระวังกับดัก เพราะอย่าลืมว่า ตลาดหุ้นมักจะมองไปข้างหน้าเสมอ ซึ่งปีที่แล้ว หุ้นหลายตัวปรับขึ้นมามากพอสมควร ซึ่ง“อาทิตย์ จันทร์สว่าง” ผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ ค่ายกรุงศรี แนะนำว่า การจะเข้าซื้อหุ้นปันผล จะมี 2 ประเด็นที่ต้องชั่งน้ำหนักดีๆ คือ ระหว่างการเอากำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น (Cap Gain) ในช่วงก่อนวันที่ประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD (ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล) กับ การรับเงินปันผล ซึ่งหลังปิด XD ราคาหุ้นมักปรับตัวลง ดังนั้น นักลงทุนต้องดูน้ำหนักเลือกดู Cap Gain หรือเงินปันผล ให้ความคุ้มค่าได้มากกว่ากัน เพราะจะขึ้นกับต้นทุนหุ้นที่ซื้อของนักลงทุนแต่ละคนด้วย
สำหรับปี 2565 บล.กรุงศรี ได้คัดเลือกหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับ (ดูกราฟฟิกประกอบ)
อันดับแรก บมจ. น้ำมันพืชไทย (TVO) ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ให้ผลตอบแทนสูงสุดกว่า 8% ขณะที่ราคาหุ้นยังห่างจากราคาเป้าหมายที่เราประเมินไว้ที่ 33.50 บาท หรือราว 12% จากราคาหุ้นเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 30- 31 บาท ณ ปลายปี 2564 พร้อมคำแนะนำชั่งน้ำหนักควรถือปันผลหรือทำกำไรก่อนดีกว่า อาทิตย์ บอกว่า หากราคาหุ้น TVO เคลื่อนไหวแรงรับข่าวจะจ่ายเงินปันผลสูง อาจมีแรงซื้อเข้ามาดันราคาวิ่งในช่วงก่อนประกาศขึ้น XD ก็ดูว่า Cap Gain ที่ได้จะสูงกว่าเงินปันผลมากหรือน้อยเพียงใด หาก Cap Gain ได้มากก็แนะนำให้ขายเอากำไรไว้ก่อน เพราะปกติเวลาหุ้นหลังขึ้น XD มักปรับตัวลงตามเปอร์เซ็นต์ของผลตอบแทนเงินปันผลนั่นเอง
ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทพลังงาน (Community) มี 3 ตัวที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงติด TOP 10 คือ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) บมจ. บ้านปู (BANPU) และบมจ. ปตท. โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ซึ่งปกติของหุ้นพวกนี้จะเคลื่อนไหวผันผวนสูงตามตลาด Community คำแนะนำหุ้นพวกนี้ควรเล่นเร็ว หากงบการเงินออกมาดีและประกาศจ่ายเงินปันผลดี เมื่อเห็นราคาหุ้นวิ่งรับข่าวพวกนี้แล้ว ได้กำไรควรขายออกก่อน ไม่ต้องถือรอถึงวันขึ้น XD และหากยังต้องการถือหุ้นนี้ ค่อยกลับมาซื้อข่วงที่ราคาตกได้ในรอบต่อๆไป ขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้น 3 ตัวนี้ (BCP , BANPU, PTTGC) ยังห่างจากราคาเป้าหมายค่อนข้างสูงราว 44% ,30% และ 11% ตามลำดับ
นอกจากนี้ หุ้นในหมวดพลังงาน ยังมีบมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ ทาวเวอร์ (WHAUP) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง และราคาหุ้นยังห่างจากราคาเป้าหมายที่ประเมินไว้ถึง 29% แต่มีหุ้นบางตัวที่ราคาหุ้นสูงใกล้กับราคาเป้าหมาย เช่น บมจ. ทีทีดับบลิว (TTW) แม้จะให้ผลตอบแทนเงินปันผลกว่า 5% ส่วนราคาหุ้นห่างจากราคาเป้าหมายเพียง 0.9%
หุ้นหมวดธุรกิจยานยนต์อย่าง บมจ. สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์เทคโนโลยี (SAT) ติด TOP 10 เงินปันผลสูง ซึ่งราคาหุ้นก็ยังห่างจากราคาเป้าหมายค่อนข้างมากเกือบ 30%
หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มักถูกชูเป็นหุ้นปันผลดีของตลาด ซึ่งปีนี้มี 2 ตัวที่ติด TOP 10 คือ บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) และบมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) ในปีที่ผ่านมา โครงการบ้านแนวราบสามารถทำยอดขายได้ดีกว่าคอนโดมีเนียม โดยหุ้น PSH ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงราว 6 % แต่ราคาขึ้นมาสูงเกือบเท่าราคาเป้าหมายของปีนี้แล้ว ขณะที่ LH ให้ผลตอบแทนปันผล 5.7% และราคาหุ้นยังห่างจากราคาเป้าหมายราว 21%
สำหรับหุ้นค่ายมือถือ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) เป็นรายเดียวที่ติด TOP 10 ที่ให้ผลตอบแทนกว่า 5% และราคาหุ้นที่ยังห่างจากราคาเป้าหมายราว 7% ซึ่งต้องชั่งน้ำหนัก อีกอย่างเป็นหุ้นที่กำลังอยู่ระหว่างการควบรวมกับ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE)
อย่างไรก็ตาม นอกจากหุ้นดาวเด่นแห่งหุ้นปันผล TOP 10 ในมุมของบล.กรุงศรีแล้ว ในตลาดหุ้นไทยยังมีหุ้นปันผลให้เลือกลงทุนอีกจำนวนไม่น้อย สำหรับคนที่อยากลงทุนในช่วงต้นปิใหม่นี้ ตลาดหุ้นจะเปิดทำการวันแรก วันที่ 4 ม.ค. 2565
และขอย้ำว่า “ตลาดหุ้นมักจะมองไปข้างหน้าเสมอ” เวลาซื้อหุ้นปันผลต้องดูว่า ราคาขึ้นไปจนถูกหรือแพงแล้ว เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าได้รับเงินปันผล โดยเฉพาะเมื่อเจอหุ้นมีอนาคตไม่ดี ก็มีแรงเทขายจนราคาหุ้นต่ำเมื่อมาเทียบกับเงินปันผล จึงดูเสมือนว่า จ่ายเงินปันผลสูงมาก จึงต้องระวังและดูข้อมูลหุ้นนั้นดีๆ ตามหลักการหากในอนาคตกิจการทำกำไรสุทธิได้ต่ำลง เงินปันผลก็ควรจะต่ำลงด้วย นั่นคือ สุดท้ายผลตอบแทนปันผลที่เห็นจะลดลงในอนาคตด้วย
สิ่งสำคัญการเล่นหุ้นปันผลไม่ให้ติดกับดัก คือ นอกจากจะต้องเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตในอนาคต อย่างน้อยก็โตเท่ากับค่าเฉลี่ยของการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ นั่นหมายความว่า มีโอกาสได้รับเงินปันผลที่ดีด้วย แต่อย่าลืมดู ราคาหุ้นตอนที่เข้าซื้อถูกหรือแพงไปแล้ว