Market

เอเซีย พลัส คงเป้าสิ้นปี 1,810 จุด แนะ 6 หุ้นเด่น MAJOR- AEONTS -GPSC- SAPPE -SCC- LH
5 เม.ย 2565

เอเซีย พลัส ประเมินหุ้นไทยไตรมาส 2 มีชัย เหนือดอกเบี้ย-สงคราม เพราะเงินไหลเข้า แนะลงทุน 6 หุ้นเด่น หุ้นฟื้นตัวตามเศรษฐกิจประเทศ -หุ้นที่ได้แรงหนุนจากต้นทุน Commodity ชะลอลง - หุ้นบลูชิพ  คงเป้าดัชนีสิ้่นปีที่ 1,810 จุด     


คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประเมินภาพรวมการลงทุนในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 โดยระบุว่า ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย แม้จะยังมีขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน แต่นักลงทุนรับรู้ไปแล้ว แต่สงครามทางเศรษฐกิจถือเป็นความเสี่ยงในระยะถัดไป โดยเฉพาะในฝั่งรัสเซียที่เป็นผู้ส่งออกพลังงานและวัตถุดิบตั้งต้นของหลายอุตสาหกรรม ซึ่งผลที่ตามมาจะกระทบต่อปริมาณการค้าโลกและเงินเฟ้อตามมา


ส่วนนโยบายการเงินของ FED เชื่อว่าจะเห็นการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยฯ ในการประชุมรอบถัดไปเดือน พ.ค. ทั้งนี้ ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จะเป็นปัจจัยที่จำกัดโอกาสการเร่งดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ FED ในระดับหนึ่ง


คุณเทิดศักดิ์ กล่าวต่อว่า  “หนึ่งในสัญญาณที่สะท้อนความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะถัดไปคือการเกิด Inverted Yield ในตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯอายุ 2 และ 10 ปี ที่ในอดีต มักจะเป็นการชี้นำต่อการเข้าสู่ภาวะ Recession ในช่วง 9-14 เดือนข้างหน้า ซึ่งหากเกิดขึ้น มักจะสร้างความผันผวนต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ แต่ตลาดตราหนี้ไทยยังไม่เกิดภาวะดังกล่าว ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในภาวะฟื้นตัว โดยเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยฯยังอยู่ในระดับต่ำจนถึงปลายปีทำให้แรงกดดันจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ”


ด้านภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยปี 2565 ยังมีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ  จากหลาย Sector ที่คาดว่าจะฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำและยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากราคาน้ำมันที่ยืนในระดับสูงกว่าปกติ หนุน EPS65F มี Upside ส่วนเพิ่มราว 4 ถึง 5 บาท/หุ้น โดยฝ่ายวิจัยประเมิน EPS65F ไว้ที่ 88.9 บาท/หุ้น  


หากพิจารณามุม Valuation ถือว่าน่าสนใจเพราะอยู่บนระดับ Market Earning Yield Gap (MEYG) ที่ 4.6% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต) ซึ่งถือว่าสูงกว่าตลาดหุ้นโลก ถือเป็นจุดดึงดูด Fund Flow ทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดการณ์ทิศทาง SET Index เดือน เม.ย. 65 แกว่งในกรอบ 1,660-1,750 จุด พร้อมคงเป้า SET Index ณ สิ้นปี 65 ที่ 1,810 จุด


กลยุทธ์ แนะนำสะสมหุ้นฟื้นตัวตามเศรษฐกิจในประเทศ MAJOR, AEONTS หุ้นได้แรงหนุนจากต้นทุนอิงตามราคา Commodity เริ่มชะลอลง GPSC, SAPPE และหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานแข็งแกร่ง SCC, LH 


โอกาสและช่องทางการลงทุนในเวียดนาม 


คุณกฤตยภรณ์ ธาดาสีห์ หัวหน้าฝ่ายลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศ บล.เอเซีย พลัส มองว่า หากมองถึงโอกาสการลงทุนที่เติบโตได้ดีในอาเซียน เวียดนามถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวได้ 6-7% ต่อปี สูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค แม้ว่าช่วงปี 2020 หลายๆ ประเทศได้รับผลกระทบเชิงลบจาก Covid-19 ส่งผลให้ GDP หดตัว 


ทั้งนี้ ในช่วงขณะเดียวกัน เศรษฐกิจเวียดนามแข็งแกร่งขยายตัวได้ 2.9%  ซึ่งปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้เวียดนามโตนั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่จำนวนประชากรเกือบร้อยล้านคน อายุน้อย เป็นวัยแรงงานและวัยบริโภค ช่วยเสริมภาคการบริโภคจำเป็นและฟุ่มเฟือยให้เติบโตได้ในระยะยาว รวมถึงเวียดนามยังถือเป็นแหล่งการผลิตชั้นดี แรงงานมีประสิทธิภาพและค่าแรงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างถูก ประกอบกับ เวียดนามได้เข้าร่วมเขตการค้าเสรีมากมาย ส่งผลให้เหล่าแบรนด์ดังระดับโลกต่างตบเท้าเข้ามาลงทุนและตั้งฐานการผลิตที่เวียดนาม ไม่ว่าจะเป็น Apple Samsung หรือ Nike ก็ตาม


ในด้านของตลาดหุ้น ตลาดหุ้นเวียดนามมีลักษณะคล้ายกับตลาดหุ้นไทยในเชิงของกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก เช่น กลุ่มอสังหาฯ กลุ่มบริโภค และกลุ่มธนาคารและการเงิน ในด้านของผลตอบแทน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดัชนีหลักของเวียดนามอย่าง VNindex ปรับตัวขึ้น 109% สูงกว่าดัชนีหุ้นโลกที่ปรับตัวขึ้น 58% 


สำหรับนักลงทุนที่อาจจะยังไม่เคยลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามมาก่อน การลงทุนที่เรียกได้ว่าง่ายและสะดวกคือการลงทุนผ่าน ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นโฮจิมินห์ หากต้องการลงทุนยาวล้อไปกับเศรษฐกิจเวียดนาม การลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ล้อไปกับดัชนี VN 30 (คล้ายกับดัชนี SET 50 ของไทย) ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยเป็นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง 30 ตัวแรก และเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจที่นักลงทุนไทยคุ้นเคย เช่น ธนาคาร อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
เตรียมตัวปรับพอร์ตรับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว


คุณภาดร สุขสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การลงทุนและผลิตภัณฑ์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า “อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ณ ปัจจุบัน ส่วนหนึ่งมาจากการใช้นโยบาย “Zero-Covid” ของประเทศจีน ที่ประกาศปิดเมืองในบางหัวเมืองเป็นระยะตลอดช่วงไตรมาส 1  และจากสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยทำให้มีการคาดการณ์ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในรอบนี้จะมีการปรับขึ้นในระดับที่เร็วกว่ารอบเศรษฐกิจที่ผ่านๆ มา เราจึงมองว่า เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ช่วงปลายวัฎจักร แม้ว่าเศรษฐกิจยังคงเติบโตอยู่ แต่จะเติบโตในอัตราที่ช้าลง”


ดังนั้น จึงแนะนำให้เลือกลงทุนใน หุ้นกลุ่มคุณภาพขนาดใหญ่ (Quality Growth) ที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่อง งบการเงินแข็งแกร่ง กองทุนแนะนำ MGFGA, KKP GNP-H และ TMBGQG และรวมไปถึง หุ้นกลุ่มปลอดภัย (Defensive) ที่มักทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงปลายวักฎจักรเศรษฐกิจ เช่น SCBPGF และ KFHHCARE-A

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com