สรุปดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ ตลาดเงินต่างประเทศประจำวันที่ 29 ต.ค. 2564 จาก บล. เอเซียพลัส (ASPS)

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ ซึ่งได้ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นแอมะซอนและหุ้นแอปเปิลหลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,819.56 จุด เพิ่มขึ้น 89.08 จุด หรือ +0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,605.38 จุด เพิ่มขึ้น 8.96 จุด หรือ +0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,498.39 จุด เพิ่มขึ้น 50.27 จุด หรือ +0.33%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินที่พุ่งขึ้น หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยุโรปปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 475.51 จุด เพิ่มขึ้น 0.35 จุด หรือ +0.07%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,830.34 จุด เพิ่มขึ้น 26.12 จุด หรือ +0.38%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,688.77 จุด ลดลง 7.56 จุด หรือ -0.05% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,237.57 จุด ลดลง 11.90 จุด หรือ -0.16%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,237.57 จุด ลดลง 11.90 จุด หรือ -0.16%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะยังคงลดการผลิตน้ำมันต่อไป

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 83.57 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 0.2% ในรอบสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 84.38 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 1.3% ในรอบสัปดาห์นี้

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้สัญญาทองคำที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 18.7 ดอลลาร์ หรือ 1.04% ปิดที่ 1,783.9 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวลงราว 0.7% ในสัปดาห์นี้ แต่เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนต.ค.

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 17.1 เซนต์ หรือ 0.71% ปิดที่ 23.949 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ 1,020.7 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 9.10 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,980.30 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.) โดยนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.82% แตะที่ 94.1169 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 113.91 เยน จากระดับ 113.46 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9154 ฟรังก์ จากระดับ 0.9118 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2373 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2347 ดอลลาร์แคนาดา

ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1560 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1683 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3690 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3787 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7525 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7538 ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับค่าเงินบาท เปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ (1.พ.ย.2564) อยู่ที่ 33.30 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับปิดตลาดวันศุกร์ (29 ต.ค.) ที่ระดับ 33.18 บาท/ดอลลาร์  สาเหตุที่เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลหลักและสกุลเงินในภูมิภาค เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ ที่สะท้อนจาก PCE และ  Core PCE Index ปรับตัวสูงขึ้น หนุนความเป้นไปได้ในการเริ่มปรับลดวงเงิน QE ของเฟดในเดือน พ.ย.นี้ 

ส่วนกรอบความเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 33.20-33.40 บาท/ดอลลาร์  ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ ทิศทางเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19  ขณะที่ตัวเลขสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐ ได้แก่ ดัชนี PMI และดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือน ต.ค. ที่จะประกาศเร็วๆนี้