SCGP ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 มีกำไร 1,780.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.38% แต่ลดลง 21%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เหตุต้นทุนค่าระวางเรือ และต้นทุนวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูง
คุณวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผลตัวเลขแถลงผลประกอบการไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 1,780.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 1,335.14 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนกำไรลดลง 21%
สำหรับในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 SCGP มีรายได้จากการขาย 31,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการขยายธุรกิจแบบ M&P (SOVI, Go-Pak,Duy Tan และ Intan Group) และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งส่งผลให้อุปสงค์ของผู้บริโภคในประเทศกลับมาขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค และสินค้าอิเล็คทรอนิกส์
ในส่วนของ EBITDA ในช่วงเวลาเดียวกันมีมูลค่าเท่ากับ 4,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลง12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมี EBITDA margin ที่ 15%
โดยมีอัตรากำไรสุทธิที่ 6% สาเหตุหลักที่ทำให้ EBITDA และกำไรสำหรับงวดลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนนั้น มาจากต้นทุนค่าระวางเรือ และต้นทุนวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ บริษัทมีการกระจายความเสี่ยงโดยการจัดหาวัตถุดิบจากหลายแหล่งทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และโอเชียเนีย รวมถึงเพิ่มเครือข่ายจุดรับกระดาษรีไซเคิลภายในประเทศ SCGP ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ รวมถึงการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศต่าง ๆ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2564 มีกำไร 6,178.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 4,971.48 ล้านบาท