เปิดตลาดหุ้นไทยต้นปี 2565 ดีดตัวขึ้นแรงกว่า 20 จุดในเวลา 2 วันทำการ แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเกิด January effect แรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติกลับมาเข้าซื้อในตลาดหุ้นกลุ่ม TIP (ไทย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์) และยังเป็นช่วงเวลาแห่งการทยอยประกาศผลดำเนินงานปี 2564 และการจ่ายปันผลด้วย จึงมีหุ้นเด่นต่างๆถูกจัดให้เป็นTop Picks กันให้เลือกลงทุน
หนึ่งในหุ้น Top Picks ที่นอนมาทุกปี คือ ADVANC หรือบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส เป็นหุ้นโดดเด่นในกลุ่มธุรกิจสื่อสาร ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสูงราว 60-70% ติดเรดาห์ทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ และปี 2564 มีสตอรี่ต่างๆ เพิ่มขึ้นหนุนการเติบโตแข็งแกร่งอนาคตด้วย วันนี้ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) และ บล. เคจีไอ ได้ทำบทวิเคราะห์ออกมาดังนี้
1 ประมาณการณ์ผลดำเนินงานไตรมาส 4/2564 กำไรปกติราว 6.5 พันล้านบาท ติดลบ 2.5 -3% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และ -5.1% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 12%จากไตรมาสก่อนจากปัจจัยฤดูกาล ที่ช่วยหนุนยอดขายเครื่องมือถือให้เพิ่มขึ้นเป็น 1.07 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 73% จาก QoQ แต่รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นเพียง 1% เป็น 3.67 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่รายได้หลักฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป
2 สาเหตุที่กำไรหลักในไตรมาส 4 ลดลงจาก QoQ เพราะถูกกดดันจากต้นทุนรวมที่เพิ่มขึ้นราว 17% จาก QoQ โดยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น (SG&A) เพิ่มขึ้น 11% จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้น เพื่อกระตุ้นตลาด 5G
3 ขณะที่กำไรหลักลดลงจาก YoY เนื่องจากต้นทุนเพิ่มขึ้น 5% เทียบ YoY จากการตัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะไปหักล้างผลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
4 คาดการณ์กำไรทั้งปี 2564 อยู่ที่ 2.69 หมื่นล้านบาท ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งจะประกาศงบการเงินในวันที่ 7 ก.พ. นี้ ส่วนคาดการณ์จ่ายเงินปันผลสำหรับครึ่งปีหลัง อยู่ที่ 3.91 บาทต่อหุ้นคิดเป็นผลตอบแทน 1.7% บนราคาหุ้นละ 228 บาท (ราคาปิด 4 ม.ค. 2565) โดยเมื่อปีที่แล้ว มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 3.45 บาท รวมทั้งปี 2564 คาดจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 7.36 บาท
5 คาดการณ์ในปี 2565 กำไรสุทธิ 2.9 หมื่นล้านบาทเติบโต 8% หลังจากที่ผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ปี 2564 ปีนี้น่าจะเติบโตต่อเนื่องได้จากปัจจัยหลัก คือ เศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวจะส่งผลให้ปริมาณการใช้มือถือเพิ่มขึ้น และการได้ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่เมื่อปีที่แล้ว คือ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ (GULF) สนับสนุนให้รุกธุรกิจใหม่
6 สำหรับกลยุทธการเติบโตจากการขยายธุรกิจใหม่ ที่จะหนุนการเติบโตแข็งแกร่งกว่าธุรกิจมือถือได้แก่ เป็นตัวกลางในการชำระเงินระบบดิจิตอล ,นายหน้าประกันออนไลน์ ,การบุกตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ , การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ นอกจากนี้ ยังมีการขยายธุรกิจจับมือกับพันธมิตร ได้แก่ ธุรกิจปล่อยกู้ ผ่านช่องทางดิจิทัล(Digital Lending) ผ่านบริษัท AISCB ที่จัดตั้งปีที่แล้ว การจับมือกับ Disney Plus Hotstar รุกตลาดคอนเทนท์บนฐานลูกค้ามือถือ และการเปิดตัวห้างเสมือนจริง V-Avenue.Co powered by AIS 5G เพื่อรุกตลาดค้าปลีกออนไลน์บนฐานลูกค้ากว่า 40 ล้านราย
สำหรับธุรกิจต่างๆเหล่านี้ นักวิเคราะห์มองว่า อาจจะยังไม่ทำกำไรให้กับกลุ่ม ADVANC แต่จะเห็นผลในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น สำหรับความเสี่ยงของหุ้น ADVANC คือ รายได้อาจจะต่ำกว่าคาดได้ หลังจากปีที่แล้วมีการตัดราคาแพคเกจสูง
7 นโยบายจ่ายเงินปันผลของ ADVANC ไม่ต่ำกว่า 70%ของกำไรสุทธิ ซึ่งสำหรับงวดครึ่งหลังของปี 2564 คาดจะเห็นประกาศจ่ายเงินปันผลสูงกว่านี้ เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่ GULF ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น จากสมมติฐานอัตราผลตอบแทนปันผล 80-85% จะทำให้ได้รับเงินปันผลหุ้นละ 3.79 - 4.24 บาท คิดเป็นผลตอบแทนปันผล 1.65-1.86% และปี 2565 คาดเงินปันผล 7.80-8.24% คิดเป็นผลตอบแทนปันผล 3.42-3.64%
สำหรับราคาหุ้นเป้าหมายปี 2565 บล.หยวนต้า ให้ไว้ที่ 252 บาท ส่วนบล. เคจีไอ ให้ไว้ที่ 262 บาท พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากกำไรจะฟื้นตัวได้ดีกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม และผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงทั้งปี 2564 และปี 2565