ส่องหุ้น รพ.หลังข่าวพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนรายแรกในไทย โบรกฯ ชี้แค่ผลลบทางจิตวิทยาต่อกลุ่มการแพทย์ แต่รพ.ขนาดกลางได้ประโยชน์

บล.พัฒนสิน มองว่า ข่าวการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” จะส่งผลกระทบเชิงลบทางจิตวิทยาต่อกลุ่มการแพทย์ โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่พึ่งพารายได้ส่วนใหญ่มาจากลูกค้าต่างชาติ เนื่องจากอาจจะทำให้ขั้นตอนการเข้ารับการรักษามีความเข้มงวดมากขึ้น โดยมองว่า บมจ.รพ.บำรุงราษร์ (BH) จะได้รับผลกระทบมากกว่าที่อื่น เพราะมีสัดส่วนรายได้ต่างชาติ 65% ของรายได้ Pre COVID มากกว่า บมจ.รพ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ที่มีสัดส่วนต่างชาติ 30% ของรายได้ Pre COVID

สำหรับโรงพยาบาลกลางที่ให้บริการรักษาลูกค้าต่างชาติ ได้แก่ บมจ.รพ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) มีสัดส่วนรายได้ต่างชาติ 10% บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) มีสัดส่วนต่างชาติ 11% ของรายได้ Pre COVID และ บมจ.รพ.จุฬารัตน์ (CHG) มีสัดส่วนรายได้ต่างชาติ 3% ของรายได้ Pre COVID มองว่า จะมีผลกระทบน้อยกว่า

ทั้งนี้ หากพิจารณาการตรวจหาเชื้อโควิดของผู้ป่วยรายนี้ ได้รับการยืนยันการติดสายพันธุ์ “โอมิครอน” ด้วยการตรวจ RT-PCR ซึ่งเป็นการตรวจที่โรงพยาบาล ทำให้มองว่า การตรวจหาเชื้อวิธีนี้ยังมีความจำเป็นสำหรับสายพันธุ์ใหม่ๆ นอกจากนี้ กรณีประเทศไทยพบผู้ป่วยรายแรก ยังใช้มาตรการกักตัว และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ทำให้มองได้ว่า สถานที่กักตัวสำหรับรักษาอาการผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง หรือ Hospitel ยังมีความจำเป็น

ปัจจุบันโรงพยาบาลส่วนใหญ่มีอัตราครองเตียง Hospitel เฉลี่ยต่ำกว่า 50% โดย BCH มีจำนวนเตียง Hospitel ราว 10,250 เตียง มากที่สุดในกลุ่ม รองลงมาเป็น CHG มี 8,000 เตียง BDMS มี 6,000 เตียง THG มี 4,000 เตียง และ BH มี 200 เตียง ซึ่งมองว่า โรงพยาบาลส่วนใหญ่พร้อมรับมือความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิดหลังเปิดประเทศ

ทั้งนี้ บล.พัฒนสิน คงน้ำหนักการลงทุนในสัดส่วนเดิมสำหรับกลุ่มการแพทย์ เลือก BDMS ราคาเป้าหมาย 29 บาท เป็นหุ้นเด่น ขณะที่การพบผู้ป่วย “โอมิครอน” รายแรกในไทย เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม ระยะสั้นมองเป็นปัจจัยบวกต่อโรงพยาบาลขนาดกลางที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ BCH ราคาเป้าหมาย 33 บาท และ CHG ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท

--------------------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1