Market

อินโนเวสท์ เอกซ์  คาด SET ติดตามเจรจาการค้าต่อ 
21 ก.ค. 2568

แนวโน้มตลาดวันนี้ ( 21 ก.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดมีโอกาสชะลอตัวโดยเฉพาะตามแนวต้าน ประเมินแนวต้าน 1212/1230 ส่วนแนวรับประเมินที่ 1200/1195  แม้มีโมเมนตัมบวกจาก Fund Flow ที่ไหลเข้า EM และ DELTA หนุน แต่ประเมิน SET ระยะกลางที่ระดับ 1230-1250 สะท้อนถึงความคาดหวังว่าไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ ในระดับ 20% หรือต่ำกว่าไปบ้างแล้ว และยังต้องติดตามการเจรจาการค้าสหรัฐฯ ต่อ

 

ประเด็นสำคัญ

• ผู้ประกอบการภาคอสังหาฯ เสนอเร่งแก้ไขกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเต็มศักยภาพ รองรับการลงทุนจากต่างชาติและโครงการเมกะโปรเจกต์ เสนอขยายสิทธิการเช่าที่ดินระยะยาวเป็น 50–60 ปี และลดความเสี่ยงด้านสังคมได้

 

• รมว. คลังเผยความคืบหน้าการเจรจาภาษีการค้า โดยท่าทีของสหรัฐฯ ต่อข้อเสนอเพิ่มเติมที่ไทยเสนอไปมองว่ามีการปรับปรุงที่ดีขึ้น ด้าน รมช. พาณิชย์เผย USTR ได้เสนอ 3 ข้อเสนอเพิ่มเติมให้พิจารณา คือ เพิ่มรายการภาษี 0% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ, ลดมาตรการกีดกันการค้าที่ไม่ใช่ภาษี และสนับสนุนการลงทุนในสหรัฐฯ

 

• ธปท. ออกหนังสือเตือน หลัง ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. Financial Hub ว่าต้องดูแลความเสี่ยงการฟอกเงินและการสนับสนุนก่อการร้าย และการแยกธุรกิจไม่ให้ปะปนกับธุรกิจในระบบการเงินหลัก 

 

• สหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ต่อรัสเซียชุดที่ 18 รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยครอบคลุมถึงการลดราคาเพดานน้ำมันดิบรัสเซีย, คว่ำบาตรกองเรือเงาที่ขนส่งน้ำมันรัสเซีย, ห้ามใช้ท่อส่งก๊าซฯ Nord Stream 1 และ 2 และขยายขอบเขตการความบาตร เช่น ในภาคธนาคารและอุตสาหกรรมทหาร เพื่อลดขีดความสามารถในการทำสงครามของรัสเซีย

 

• สื่อสหรัฐฯ เผย Nvidia กำลังเผชิญอุปสรรคการส่งมอบชิป AI รุ่น H20 ในจีน แม้เพิ่งประกาศเตรียมกลับมาวางจำหน่าย เนื่องจากก่อนหน้า Nvidia ได้คืนโควตาการผลิตที่จองกับ TSMC ตั้งแต่การสั่งห้ามโดยรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อ เม.ย. ที่ผ่านมา และอาจต้องใช้เวลาถึง 9 เดือน หากต้องการกลับมาผลิตชิปรุ่นดังกล่าวได้

 

กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน แม้มองบรรยากาศการลงทุนยังมีโมเมนตัมบวกจาก Fund Flow ที่เริ่มไหลเข้าใน EM และคาดหวัง ครม. จะพิจารณาผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ ซึ่งคาดจะมีการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย แต่ยังต้องติดตามผลเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ หลังไทยเสนอลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 0% หลายหมื่นรายการ ประเมิน SET ที่ระดับ 1230-1250 สะท้อนความคาดหวังว่าไทยจะสามารถบรรลุดีลข้อตกลงได้และทำให้อัตราภาษีใหม่ลดลงอยู่ที่เท่ากับหรือต่ากว่า 20% ทำให้ SET มีโอกาสชะลอปรับขึ้นหรือมี Upside จำกัด ขณะที่กรณีไทยยังโดนภาษีศุลกากรที่สูงกว่าอัตรา 20% จะเป็นความเสี่ยง อย่างไรก็ดี เราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว คงแนะนำให้ "Selective Buy"

 

Daily Top Picks

CHG: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากกำไร 2Q68 มีโอกาสดีกว่าคาด โดยประเมินกำไรปกติ 235 ลบ. เพิ่มขึ้น 4%QoQ และทรงตัว YoY ซึ่งดีกว่าที่คาดเดิมว่าจะลดลง QoQ และ YoY หนุนจากรายได้ที่แข็งแกร่งและผลขาดทุนที่ลดลงจาก รพ. ใหม่ ขณะที่ 2H68 คาดผลประกอบการจะดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนราคาหุ้นปรับลงสะท้อนความคาดหวังที่ต่ำของตลาดแล้วทำให้ Risk/Reward เป็นบวกมากขึ้น

 

GPSC: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากราคาก๊าซและ Bond Yield ลดลง กกพ. เสนอทางเลือกค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค. 2568 ระหว่าง 3.98-5.10 บาท/หน่วย ไม่สูงกว่างวดก่อนที่ 3.98 บาท/หน่วย มองกระทบผลประกอบการจำกัด ปี 2568 คาดกำไรปกติจะเติบโต 3.9%YoY จากการเพิ่มกำลังการผลิต, ต้นทุนเชื้อเพลิงและผลตอบแทนพันธบัตรลดลง และไม่ได้รับผลกระทบ

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET แกว่งตัวผันผวน แม้มีโมเมนตัมบวกจาก Fund Flow เริ่มไหลเข้า EM และการอนุมัติผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ แต่ยังต้องติดตามการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

 

1. หุ้น Earnings Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC

 

2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2%แนะนำ ADVANC BBL PTT

 

3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วหากเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้สหรัฐฯ พิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่าและราคาหุ้นยังฟื้นตัวช้า แนะนำ AMATA GPSC WHA และ 2) หุ้น Undervalue (PER และ PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BCPG BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR ขณะที่แนะนำหาจังหวะขายทำกำไรระยะสั้นในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากคาดดอกเบี้ยปรับลง หลังก่อนหน้าราคาหุ้นปรับขึ้นแรงสะท้อนการแต่งตั้งผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่แล้วระดับนึง MTC TIDLOR

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com