“บ้านปู เพาเวอร์” เผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 กว่า 597 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานที่โตต่อเนื่อง และเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้านาโกโซ ประเทศญี่ปุ่น ชูกระแสเงินสดแข็งแกร่งเดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจไฟฟ้า
นายกิรณ ลมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 597 ล้านบาท โดยเป็นกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย(EBITDA) 534 ล้านบาท เป็นผลจากผลงานเติบโตจากพลังงานร่วมและระบบนิเวศทางธุรกิจภายในกลุ่มบ้านปู ด้วยการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐฯ และเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้านาโกโซ ในญี่ปุ่น ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
นายกิรณ กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจไฟฟ้า แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโรงไฟฟ้าเอชพีซี ใน สปป.ลาว มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ส่วนโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ในไทยสามารถรักษาเสถียรภาพเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง มีค่าความพร้อมจ่าย (EAF) ในอัตรา 75% และ 99%
ด้านโรงไฟฟ้านาโกโซ ประเทศญี่ปุ่นได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3 ช่วยเสริมกระแสเงินสดของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นได้เป็นอย่างดี ด้านโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น และจีนคงประสิทธิภาพการจ่ายไฟได้เป็นอย่างดี แม้สภาพอากาศจะไม่เอื้ออำนวย และล่าสุดบริษัทประสบความสำเร็จในการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐฯ ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาส 4
ด้านโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง ในจีน กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 396 เมกะวัตต์ ได้เริ่มเดินเครื่องเพื่อผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับสายส่งหลักของจีน และกำลังเตรียมพร้อมรอการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ ขณะเดียวกัน โครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 3 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 2 โครงการ คือ เคเซนมมุนะ กำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ และชิราคาวะ กำลังผลิต 10 เมกะวัตต์ คาดว่า จะ COD ในไตรมาส 4 และไตรมาส 1/65 ตามลำดับ ด้านโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา ระยะที่ 1 ในเวียดนาม กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ คาดว่า จะ COD ในไตรมาส 1/65
“BPP ยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสการลงทุนที่เหมาะสมตามกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและชาญฉลาดยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญต่อการลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที ในขณะเดียวกัน ยังมุ่งแสวงหาโอกาสขยาย การเติบโตของกำลังผลิตไฟฟ้าในสัดส่วนที่สมดุลระหว่างพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียน ในประเทศที่มีศักยภาพ รวมไปถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการผนึกกำลังหรือ Synergy ระหว่างกลุ่มบ้านปู ไปพร้อมกับการยึดมั่นในหลักความยั่งยืน หรือ ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกประเทศที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืนต่อไป” นายกิรณ กล่าวปิดท้าย
-------------------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1