KTMS พร้อมเทรด mai 23 ธ.ค.นี้ ย้ำเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบครบวงจร รายแรกในตลาดหุ้น นำเงินขยายศูนย์ให้บริการ ฟอกไตเทียม เพิ่มอีก 14 แห่งทั่วประเทศ โบรกฯประสานเสียง ให้ราคาเหมาะสม 4.00 - 4.12 บาท
 
นางสาวกาญจนา พงศ์พัฒนะเดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด  (มหาชน) หรือ KTMS หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมและการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมนำหุ้น IPO จำนวน 76.64  ล้านหุ้น เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ หมวดธุรกิจบริการ  

"ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จของบริษัทฯสู่การเข้าระดมทุนในตลาด mai ซึ่ง ตอกย้ำถึงศักยภาพความแข็งแกร่งและโอกาสเติบโตในธุรกิจบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในอนาคต สอดรับกับจำนวนผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่ต้องเข้ารับบริการการรักษาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15% ต่อปี ประกอบกับปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะมีการทำงานของไตเสื่อมลง ทำให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ส่งผลเชิงบวกให้ “KTMS” มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยประมาณ 30%  "

ทั้งนี้ บริษัทมีประสบการณ์การเป็นผู้เชี่ยวชาญการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม มากกว่า 15 ปี ปัจจุบันมีเครื่องไตเทียมรวม 254 เครื่อง และมีหน่วยไตเทียม 20 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ทั้งภาคกลางและกรุงเทพมหานคร 2 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 สาขา ภาคเหนือ 4 สาขา ภาคตะวันออก 2 สาขา และภาคตะวันตก 2 สาขา ภายใต้การให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis Center) ในรูปแบบคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม (คลินิก หรือ Stand-Alone) และหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล (หน่วยไตเทียม หรือ Outsource) ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลรัฐ และกลุ่มลูกค้าเอกชน 

จากแผนระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับ“KTMS” โดยจะเงินที่ได้กว่า 237 ล้านบาท ลงทุนในสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จำนวน 155 ล้านบาท พร้อมทั้งขยายสาขาเพิ่มอีก 14 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็น Outsource 8 สาขา และ 6 สาขาเป็น Stand Alone ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีจำนวนเครื่องไตเทียม เพิ่มขึ้น 123 เครื่อง และมีแผนใช้ลงทุนในโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียม และศูนย์บริการวิศวกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อีก 61 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณผู้ป่วยโรคไตที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่า การเข้าระดมทุนในครั้งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน เพื่อขยายการรองรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า “KTMS” ถือเป็นหุ้น ESG ที่มีความยั่งยืนต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงต่ำ สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รายได้เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี (CAGR) ที่ 30.73% ประกอบกับมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ต่ำ เป็นหุ้นที่มีรายได้มั่นคง และมีศักยภาพความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่ครบวงจร จากปัจจัยดังกล่าว จึงตอกย้ำถึงศักยภาพทางธุรกิจของ “KTMS” ได้อย่างชัดเจน ทำให้เชื่อมั่นว่า การระดมทุนในครั้งนี้ จะสนับสนุนให้ “KTMS” เพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงในอนาคต  

สำหรับมุมมองของนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินราคามูลค่าเหมาะสมไว้ที่ระดับ 4.12 บาท โดยประเมินรายได้จากการดำเนินงานช่วงปี 2565-2566 ไว้ 360.2 ล้านบาท และ 529.6 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย CAGR 30.8% ต่อปี ขณะที่กำไรคาดว่าช่วงปี 2565-2566 อยู่ที่ 18.2 ล้านบาท และ 41.3 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย CAGR 56.9% ต่อปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตจากธุรกิจให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ที่คิดเป็น 75% ของรายได้รวม ซึ่งบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการให้บริการโดยการขยายสาขา จากเดิมอีก 14 สาขา และเพิ่มจำนวนเครื่องไตเทียมอีก 123 เครื่อง ภายในปี 2566 ส่วนกลุ่มธุรกิจอื่นๆ คิดเป็น 25% ของรายได้รวม มีแนวโน้มเติบโตควบคู่ไปกับการขยายสาขาในโรงพยาบาล

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินราคามูลค่าเหมาะสมที่ระดับ 4.00 บาท โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน และกำไรสุทธิในปี 2565 ว่า มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในปี 2566 ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยการเติบโตของธุรกิจฟอกไต จากนโยบายของภาครัฐ และจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมถึงแผนการขยายสาขา จาก 20 แห่งในไตรมาส 3/2565 เป็น 34 สาขา ในปี2566 อีกทั้ง ยังมีจำนวนเครื่องไตเทียมเพิ่มขึ้นจาก 254 เครื่องในไตรมาส 3/2565 เป็น 377 เครื่องในปี 2566 จากปัจจัยในข้างต้น 

จากการคาดการณ์การเติบโตของ KTMS คาดว่ากำไรสุทธิเติบโต 20% ในปี 2565 และการเติบโตจะเร่งขยายตัวขึ้นเป็น 124% และ 29% ในปี 2566 – 2567 จากการรับรู้รายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น 28% CAGR (2564-2567) รวมทั้งการเติบโตของกำไรขั้นต้นที่ 32% CAGR และคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20% 22% และ 22% ในปี 2565-2567 อีกทั้งคาดการณ์ EBIT Margin ทรงตัว YoY ที่ 8.1% ในปี 2565 และปรับเพิ่มขึ้นเป็น 11.4% และ 11.8% ในปี2566-2567