แนวโน้มตลาดวันนี้ (22 พ.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ มองตลาดมีโอกาสปรับลงต่อ จากกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 30 ปีที่ปรับขึ้นแรงและสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี อีกทั้ง SET ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1197/1205 ได้และลงหลุดต่ำกว่าแนวรับที่ 1185/1180 ทำให้เปิดความเสี่ยงของการปรับตัวลงรอบใหม่ โดยตลาดมีแนวรับย่อยถัดไปที่ 1170 และแนวรับหลัก 1155-1150 ที่รอทดสอบ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1185-1190 หากยังไม่สามารถยืนเหนือได้ยังเป็นการแกว่งตัวลง
ประเด็นสำคัญ
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 30 ปี ขึ้นแรงรอบใหม่ สูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี กดดันตลาดหุ้นสหรัฐลดลงเฉลี่ย 1.4%-1.9% ในขณะที่การประมูลพันธบัตรสหรัฐ 20 ปีเมื่อคืน อัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมาที่ 5.104% จากครั้งก่อนที่ 4.81%
• ศาลปกครองสูงสุด นัดชี้ชะตาว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหาย จากโครงการ “ทุจริตรับจำนำข้าว” ในสมัยรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาทในช่วงบ่ายวันนี้
• แท็กซี่ร้องรัฐบาล ยกเลิกวิน Grab ขู่ยกระดับม็อบ ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ หากปิดสนามบินได้จริงจะเป็นปัจจัยลบต่อการท่องเที่ยว
• ออมสิน ลดดอกเบี้ยสูงสุด 3% ต่อปี ช่วยผู้ส่งออก-ธุรกิจที่แข่งขันกับสินค้านำเข้า ตามนโยบายรัฐอาจจะส่งผลจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์รวมในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มนี้ Valuation ค่อนข้างถูก ในกรณีที่เม็ดเงินไหลกลับระยะถัดไปจะเป็นเป้าหมายหนึ่ง
• วิป 3 ฝ่าย เคาะประชุมงบประมาณปี 69 วันที่ 29–31 พ.ค. งดพิจารณา พ.ร.บ. Entertainment Complex
• จีน–อาเซียน บรรลุเจรจา FTA 3.0 ครอบคลุมเศรษฐกิจดิจิทัล–สีเขียว คาดลงนามก่อนสิ้นปี
• G7 ถกมาตรการเก็บภาษีสินค้าจีนราคาต่ำ หลังส่งออกพุ่ง 30%YoY หวังป้องกันล้นตลาด
• OPEC+ เร่งผลิต หวังกดราคาน้ำมันต่ำกว่า 55–65 ดอลลาร์ เพื่อสกัด Shale Oil สหรัฐฯ
• EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.33 ล้านบาร์เรล สวนทางคาดการณ์ว่าจะลดลง
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัวรอหาปัจจัยหนุนใหม่และความคืบหน้าการเจรจากการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หลังดัชนีได้ปรับตัวขึ้นไปตอบรับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ผ่อนคลายลงในระดับหนึ่ง จนทำให้ SET ปรับขึ้นมายืนเหนือ 1200 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่า 3% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคก่อนเกิดเหตุการณ์ ปธน. ทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศคู่ค้าแล้ว อย่างไรก็ดีหากดัชนีปรับลงหรือพักตัวลงมาที่ระดับ 1155/1120-1100 มองจะเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาว หลังประเมินว่าสถานการณ์สงครามการค้าโลกที่เลวร้ายสุดได้ผ่านไปแล้วในแง่ของระดับภาษีที่สูงสุด รวมทั้งอยู่ระหว่างการประกาศข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าต่างๆ ในระยะถัดไป ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
BLA: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจาก Bond Yield ที่ปรับขึ้นแรง ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อ ROI อีกทั้ง Valuation น่าสนใจ หลังราคาหุ้นลดลง 20%YTD และ Discount 61% จากมูลค่าพื้นฐานของกิจการ, PBV ที่ 0.5 เท่า (เทียบกับ ROE ที่ 8.4%) และ PE ที่ 6.7 เท่า (EPS Growth ที่ 18%) สำหรับปี 2568 ทั้งนี้วันนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรไม่เกิน 17.70 บาท/หุ้น
ADVANC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากมีโมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรยังเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้งผลสรุปการประมูลคลื่นความถี่ใน 2Q68 ที่คาดว่าจะออกมาเป็นบวก จะส่งผลทำให้มีการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยง Downside จำกัดท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาษีการค้า