หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง น่าจะเริ่มกลับมาเป็นหุ้นที่น่าในสายตาของนักลงทุน โดยเฉพาะในปีหน้า จะมีความคืบหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา และงานประมูลงานใหม่โครงการรัฐเริ่มเห็นเป็นรูปธรรม เช่น งานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วง และสายสีส้ม นอกจากนั้นยังมีงานอื่น เช่น งานสนามบิน งานรถไฟทางคู่เฟส 2 งานมอเตอร์เวย์ น่าจะเป็นโอกาสที่ดีต่อการเพิ่มงานในมือของผู้ประกอบการกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
ในมุมมองของ บล.หยวนต้า ได้ให้คำแนะนำ Overweight หรือเพิ่มน้ำหนักการลงทุน หุ้นกลุ่มรับเหมาะก่อสร้าง เพราะมองว่าได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุด ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปิดแคมป์ ในไตรมาส 3 มาแล้ว สะท้อนออกมาในแง่ผลการดำเนินงานที่ล้วนแต่กำไรลดลง และคาดในไตรมาส 4/64 ผลประกอบการในธุรกิจก่อสร้างจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากงานที่สามารถเดินหน้าได้เป็นปกติมากขึ้น
นอกจากนี้ การประมูลโครงการภาครัฐเริ่มเห็นเป็นรูปธรรม จากรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย อยู่ระหว่างขายซองประมูลและเตรียมยื่นซองในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ เพิ่มงานในมือของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในอุตสาหกรรม อีกทั้งรอความคืบหน้าการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนต่อขยาย พร้อมงานประมูลรถไฟทางคู่เฟส 2 และงานประมูลอื่นๆของภาครัฐ คาดในปี 2565 เริ่มชัดเจนมากขึ้น
กลุ่มที่คาดได้ประโยชน์จากงานฐานรากที่เริ่มต้นก่อน ยังคงเป็น SEAFCO / PYLON โดยแนะนำให้เก็งกำไร ให้ราคาเป้าหมาย SEAFCO ไว้ที่ 5.34 บาท ส่วน PYLON เราประเมิน ราคา เหมาะสมไว้ที่ 4.90 บาท
สำหรับกลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่ที่โดดเด่น และมีโอกาสรับงานใหญ่จากภาครัฐ คือ CK และ STEC โดยทั้ง 2 มีประเด็นบวก จากงานประมูลใหม่เช่นงานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ซึ่งบริษัทมีการขายซองประมูลเปิดขายซองประมูล (TOR) ทั้ง 6 เส้นทาง โดยประเมินราคาเหมาะสม STEC ไว้ที่ 21.50 บาท ส่วน CK ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 27 บาท
ในบทวิเคราะห์ ของบล.หยวนต้า ได้ให้รายละเอียดโครงการสำคัญภาครัฐในปี 2565 ทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสาย สีส้ม สีแดงและ สีม่วง รวมถึงโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางใหม่
รถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย..จุดประกายงานปี 2565
รถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) มูลค่าโครงการโดยรวม 7.8 แสนล้านบาท มีระยะทางทั้งสิ้น 23.6 กิโลเมตร เป็นโครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 12.6 กิโลเมตร และโครงสร้างทาง ยกระดับ 11 กิโลเมตรและมีสถานีทั้งสิ้น 17 สถานีเป็นสถานีใต้ดิน 10 สถานีและสถานียกระดับ 7 สถานีโดยทาง รฟม.อยู่ระหว่างประกาศขาย TOR ระหว่างวันที่ ระหว่างวันที่ 11 พ.ย.-24 ธ.ค. โดยเบื้องต้นกำหนด ยื่นซองประมูล 27 ธ.ค.นี้ โดยคาดได้ชื่อผู้รับเหมาไม่เกินครึ่งแรกของปี 65 มีจำนวน 6 สัญญา ซึ่งกลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่เช่น CK STEC ได้มีการซื้อซองประมูลแล้วทั้ง 6 สัญญา ทั้งนี้ ยังมีโครงการที่คาดเห็นความต่อเนื่องคือโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) ที่อยู่ระหว่างเตรียมขาย TOR และกรอบเวลาการประมูลคาดจะมีความชัดเจนมากขึ้นในปี 2565
งานประมูลที่เกิดขึ้น ในปี2564 และคาดว่าจะเกิดขึ้น ในปี2565
เรามองการประมูลของโครงการใหญ่บางโครงการเช่นที่เกิดความล่าช้า และชะลอออกไปก่อนหน้าระหว่างปี2562- 2563 เช่น โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีต่างๆ และ รถไฟทางคู่ ส่วนหนึ่งมีผลกระทบที่เกิด จากโควิด-19 มีผลต่อการประมูลที่ล่าช้าเนื่องจากภาครัฐจะให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาด เป็นปัจจัยแรก อย่างไรก็ดี เราคาดว่า การเดินหน้าการประมูลโครงการใหญ่ของภาครัฐยังอยู่ในความสนใจ คาดว่าจะได้รับการผลักดันจากภาครัฐ เช่น รถไฟทางคู่สายใหม่ รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีต่างๆ มีมูลค่าโครงการโดยรวมราว 5.4 แสนล้านบาท
งานหลักมาจากกลุ่มรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย โดยรวมมีสัดส่วน 49% รองลงมาคือ โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ มีสัดส่วนราว 24% และรถไฟทางคู่เฟส 2 มีสัดส่วนราว 25% ซึ่งคาดจะเห็นความคืบหน้าของงานประมูลระหว่างปี 2564-2565 ซึ่งยังเป็นแนวโน้มและโอกาสที่ดีต่อการเพิ่มปริมาณงานในอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ การประมูลที่เห็นชัดเจนภายในปี 2564 เป็นโครงการที่ได้เห็นความคืบหน้า และได้รายชื่อผูเสนอราคาต่ำ สุดไปแล้วคือ โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่1) โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงรายเชียงของ 2) โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ -มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม อยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญาจากภาครัฐ
ขณะเดียวกันรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วง เริ่มเปิดขายซองเอกสาร (TOR) ให้กับผู้ประกอบการ ระหว่างวัน ที่ 11 พ.ย. – 24 ธ.ค และคาดยื่นซองประมูลได้วันที่ 27 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ในปี 2565 เราคาดจะเห็นความคืบหน้าของงาน อื่นๆ เพิ่ม จากรถไฟทางคู่เฟส 2 และการประมูลรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีส้ม และสีแดง และโครงการอื่นๆ เพิ่ม
รายละเอียดส่วนรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสาย สีส้ม สีแดงและ สีม่วง
รถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) มูลค่าก่อสร้างโดยรวม 1.27 แสนล้าน บาท การประมูลเป็นแบบ PPP Net cost ภาครัฐจะลงทุนเฉพาะค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนภาคเอกชนจะลงทุนด้านโยธา และค่างานระบบไฟฟ้า บริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงทั้งเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยมีระยะเวลาเดินรถ 30 ปี มีระยะทาง 35.9 กม. จำนวน 28 สถานี (21 สถานีใต้ดิน 7 สถานียกระดับ)
เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม (วัฒนธรรม-มีนบุรี(สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กม. จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วราว 87% คาดงานก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2565
เส้นทางไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) มีระยะทาง 13.4 กม. จำนวน 11 สถานี เป็นงานใต้ดินตลาดสาย โดยโครงการ มี 9 จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น เช่น สายสีแดงอ่อน สีน้ำเงิน สายสีม่วง สีเหลือง และสีชมพู กำหนดระยะเวลา 37 ปี เป็นงานก่อสร้าง 7 ปี คาดเปิดเดินรถตลอดสายในปี 2569 ซึ่งโครงการถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) ส่วนต่อขยายอยู่ระหว่างเตรียมขายซองTOR
รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย มี 4 เส้นทาง ประกอบด้วย
1) สีแดงเข้มส่วนต่อขยาย ช่วงรังสิต - มธ. ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม.กรอบวงเงิน 6 พันล้านบาท
2) สายสีแดงอ่อนส่วนต่อขยาย ช่วงตลิ่งชัน - ศาลายา กรอบวงเงินลงทุน 9.9 ล้านบาท มีระยะทาง 14.8 กม.
3) สายสีแดงอ่อนส่วนต่อขยาย ช่วงตลิ่งชัน – ศิริราช ระยะทาง 4.3 กม. วงเงิน 4.6 พันล้านบาท
4) สายสีแดงอ่อน (Missing Link) ช่วงบางซื่อพญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสีแดงเข้ม ช่วง บางซื่อ-หัวล าโพง ระยะทาง 25.9 กม.วงเงิน 3.9 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณาการประมูลในรูปแบบ PPP
รถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) มูลค่าโครงการโดยรวม 7.8 แสนล้าน บาท มีระยะทางทั้งสิ้น 23.6 กิโลเมตร เป็นโครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 12.6 กิโลเมตร และโครงสร้างทาง
ยกระดับ 11 กิโลเมตร และมีสถานีทั้งสิ้น 17 สถานีเป็นสถานีใต้ดิน 10 สถานีและสถานียกระดับ 7 สถานี โดยทางรฟม.อยู่ระหว่างประกาศขาย TOR ระหว่างวันที่ ระหว่างวันที่ 11 พ.ย.-24 ธ.ค. โดยเบื้องต้น กำหนดยื่นซองประมูล 27 ธ.ค โดยคาดได้ชื่อผู้รับเหมาไม่เกิน 1H65 โดยมีรายละเอียดการขายซองประมูล 6 สัญญาดังนี้
สัญญาที่ 1 งานโยธา โครงการใต้ดิน ช่วงเตาปูน - หอสมุดแห่งชาติ ประกอบด้วยงานออกแบบ ควบคู่งานก่อสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ช่วงเตาปูน - หอสมุดแห่งชาติ ระยะทาง ประมาณ 4.8 กิโลเมตร อุโมงค์คู่ลึก 16 -35 เมตร สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจำนวน 3 สถานี
สัญญาที่ 2 งานโยธา โครงการใต้ดิน ช่วงหอสมุดแห่งชาติ - ผ่านฟ้า ประกอบด้วยงานออกแบบควบคู่งานก่อสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ช่วงหอสมุดแห่งชาติ - ผ่านฟ้าระยะทาง ประมาณ 2.4 กิโลเมตรอุโมงค์คู่ลึก 23 -46 เมตร สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจำนวน 3 สถานี ปล่องระบายอากาศ ระหว่างสถานี 1 ปล่อง
สัญญาที่ 3 งานโยธา โครงการใต้ดิน ช่วงผ่านฟ้า – สะพานพระพุทธยอดฟ้า ประกอบด้วยงาน ออกแบบควบคู่งานก่อสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ช่วงผ่านฟ้า - ช่วงสะพานพระพุทธยอดฟ้า ระยะทางประมาณ 3.1 กิโลเมตร อุโมงค์คู่ลึก 22 - 41 เมตร สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจำนวน 2 สถานี ปล่องระบายอากาศระหว่างสถานี 3 ปล่อง
สัญญาที่ 4 งานโยธา โครงการใต้ดิน ช่วงสะพานพระพุทธยอดฟ้า – ดาวคะนอง ประกอบด้วย งานออกแบบควบคู่งานก่อสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ช่วงสะพานพระพุทธยอดฟ้า - ดาวคะนอง ระยะทางประมาณ 4.1 กิโลเมตร อุโมงค์คู่ลึก 17 - 28 เมตร สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจ านวน 2 สถานี ปล่องระบายอากาศระหว่างสถานี 5 ปล่อง
สัญญาที่ 5 งานโยธา โครงการยกระดับ ช่วงดาวคะนอง – ครุใน ประกอบด้วยงานก่อสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้ายกระดับ ช่วงดาวคะนอง - ครุใน ระยะทางประมาณ 9.0 กิโลเมตร สถานีรถไฟฟ้ายกระดับจำนวน 7 สถานี อาคารจอดแล้วจร จำนวน 4 แห่ง บริเวณบางปะกอก และราษฎร์บูรณะ จอดรถได้ ประมาณ 1,920 คัน โรงจอดรถไฟฟ้าบริเวณวงแหวนกาญจนาภิเษก
สัญญาที่ 6 งานระบบราง ช่วงเตาปูน – ครุใน ประกอบด้วยงานออกแบบควบคู่งานก่อสร้างงานระบบราง ช่วงเตาปูน - ครุใน ซึ่งเป็นระบบรางของทางวิ่ง รถไฟฟ้าและระบบรางภายในโรงจอดรถไฟฟ้า งานติดตั้งรางทางวิ่ง รางจ่ายกระแสไฟฟ้าและงานอื่น ๆ
รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล..รอประกวดราคาปี 2568
รฟม.เตรียมประกวดราคาจ้างที่ปรึกษาทบทวนและปรับปรุงรายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบ พร้อมจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาจัดหาเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี(บึงกุ่ม) เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) มีโครงสร้างทางวิ่งยกระดับ จำนวน 20 สถานี ระยะทาง 22.1 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 4.8 หมื่นล้านบาท โดยพื้นที่โครงการฯ มีส่วนซ้อนทับกับโครงสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 ตอน N2 บนแนวถนนประเสริฐมนูกิจ เป็ นระยะทาง 7.2 กิโลเมตร (จำนวน 6 สถานี) ซึ่งรูปแบบเบื้องต้นของฐานรากโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล จะก่อสร้างโครงสร้างทางวิ่งเป็นคานคอนกรีตที่วางบนคานขวาง และ Bearing Shoe และออกแบบให้มีเสาตอม่อสายสีน้ำตาลแทรกระหว่างเสาทางด่วนที่ก่อสร้างไว้แล้ว มีระยะระหว่างช่วงตอม่อโดยทั่วไปประมาณ 25-30 เมตร
รถไฟฟ้าสายสีน้ำตลาดมีความจำเป็นในการก่อสร้าง เนื่องจากมีส่วนเชื่อมต่อนอกเหนือจาก ทางด่วนแล้วยังมีความเชื่อมต่อในรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ คาดเป็นรถไฟฟ้าอีกเส้นทางที่มีโอกาสประกวดราคาใน
อนาคต ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างขอ EIA โดยโครงการรถไฟฟ้าสีน้ำตาลมีการเชื่อมกับโรงการรถไฟฟ้า 7 สาย คือ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรีเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีชมพู สถานีบางเขนเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีแยกเกษตรเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีฉลองรัชเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเทา และสถานีลำสาลีเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีส้ม เบื้องต้นคาดการณ์ว่าปีแรกของการเปิดบริการจะมีปริมาณผู้โดยสารราว 2.18 แสนคนเที่ยวต่อวัน สำหรับกรอบเวลาการประมูลในเบื้องต้น เตรียมเสนอให้คณะกรรมการ PPP พิจารณาเดือน มิ.ย.2566 และเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติเดือน ก.ย.2566 ก่อนเปิดประมูลได้ผู้รับจ้างปี 2568 ใช้ เวลาก่อสร้าง 39 เดือน เปิดบริการปี 2571
รถไฟทางคู่เส้นทางใหม่..ได้ผู้เสนอราคาต่ำ สุดรอเซ็นสัญญาจากภาครัฐ
ผลการประมูลของรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทาง วงเงินโดยรวม 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งได้ชื่อผู้รับเหมาและอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา คาดเกิดขึ้นภายใน 1Q65โดยรายละเอียดโครงการมีดังนี้
(1) โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ แบ่งเป็น 3 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ (1) ช่วงเด่นชัย-งาว ระยะทาง 104 กม. ราคากลาง 2.6หมื่นล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุดคือ ITD และNWR สัญญาที่ (2) ช่วงงาว-เชียงราย ระยะทาง 135 กม. วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท และ สัญญา (3)ช่วง เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 87 กม. วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุดทั้ง 2 โครงการคือการ ร่วมกันประมูลระหว่าง CK STEC และ บริษัทรับเหมาในพื้นที่
(2) โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. จ านวน 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ (1)ช่วงบ้านไผ่-หนองพอก ระยะทาง 180 กม. วงเงินโดยรวม2.7 หมื่นล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุด A.S. Associated Engineering (1964) และสัญญาที่ (2) ช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3 ระยะทาง 175 กม. วงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุด คือการร่วมกันประมูลของ UNIQ กับพันธมิตร
รายละเอียดรถไฟทางคู่ 4 เส้นทาง
กระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้รฟท.ผลักดันการประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ส่วนต่อขยายจาก สายทางเดิมในปัจจุบัน มีนโยบายให้ผลักดันเร่งด่วน 4 โครงการ วงเงินรวมกว่า 1.3 แสนล้านบาท ประกอบไปด้วย โดยภาครฐัใหค้วามสนใจเปิดประมูลเสน้ ทางแรกคอื ขอนแก่น-หนองคาย ในปี 2565
1) ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท เส้นทางนี้จะเป็น โครงข่ายเชื่อมต่อการขนส่งจากจีน- ลาว- ไทย และต่อกับเส้นทางภายในประเทศมาสิ้นสุดที่ท่าเรือแหลมฉบังอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EIA ผ่านแล้ว
2) ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานีระยะทาง309 กม. วงเงิน 3.7หมื่นล้านบาท EIA ผ่านแล้ว
3) ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม.วงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาEIA จะเชื่อมต่อกับโครงการทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
4) ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 6.6 พันล้านบาท EIA ผ่านแล้ว เป็นสายทางสำคัญระหว่างไทย-มาเลเซีย กระทรวงเร่งรัดมา 4 โครงการ อยู่ในขั้นตอนรออนุมัติโครงการเพื่อประกวดราคา โดยขั้นตอนอยู่ระหว่างตอบข้อซักถามของ (สศช.) หากแล้วเสร็จจะเสนอสำนักงบประมาณและ คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา
สำหรับ บทวิเคราะห์รายตัวของบล.หยวนต้า
CK
- มีงานอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาใหม่ จากโครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท (สัญญาที่2งาว-เชียงราย วงเงิน 2.69 หมื่นล้านบาท) (สัญญาที่3 เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท) เราคาดในเบื้องต้นสัดส่วนงานที่ได้รับราว 2.6 หมื่นล้านบาท รวมถึงงานประมูลใหม่ที่คาดหวังมีความชัดเจน (1) งานอุโมงระบายน้ำมหาสวสัดิ์ วงเงิน 6.5 พันล้านบาทเตรียมยื่นซองประมูล 25 ธ.ค และ (2) งานท่อระบายน้ำบางบาล วงเงิน 3.3 พันล้านบาท ซึ่งมีโอกาสทราบชื่อผู้ได้รับงานภายในปี
- ปี2565 เตรียมประมูลงานใหม่ของภาครัฐเล็งรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย ซื้อซองทั้งหมด 6 สัญญา เป็นงานใต้ดินสัญญาที่1-4 สัญญาที่5 เป็นงานบนดิน และงานระบบรางในสัญญาที่ 6 CK คาดหวังความสำเร็จอย่างน้อย 1สัญญา เตรียมยื่นซองประมูลวันที่ 27 ธ.ค. นอกจากนั้นยังคาดหวังความคืบหน้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและแดงส่วนต่อขยาย รวมถึงงานโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางที่คาดจะมีการเซ็นสัญญาได้ในช่วงต้นปี2565 จะทำให้CK มีงานในมือเข้าระดับ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่ 2.5 หมื่นล้านบาท
- คาดผลตอบแทนกำไรจากเงินลงทุนจาก BEM ฟื้นตัว ผลกระทบจาก COVID-19 ส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทลูก BEM รับผลกระทบจากจำนวนผู้ใช้บริการทั้งรถไฟฟ้าและทางด่วน ซึ่งส่งผลต่อกำไรที่ลดลงใน 3Q64 ซึ่ง BEM ทำได้เพียง 108 ล้านบาท ส่วนผลกำไรจาก CKP ทำได้ดีขึ้นจากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น มีกำไรสูงถึง 1.2 พันล้านบาท โดยคาดใน 4Q64 ผลประกอบการของ BEM จะทำได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับรายไตรมาสหลังสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 คลี่คลาย ท าให้ยอดผู้ใช้บริการทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าเริ่มมีจ านวนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลประกอบการของ CKP จะปรับลดลงเนื่องจากผ่านช่วงฤดูกาล (high season) ใน 3Q64 แล้ว
- คำแนะนำ “ซื้อ ” แม้ว่าผลประกอบการ 4Q64 อาจปรับลดเมื่อเทียบกับรายไตรมาส เรามองเป็นผลกระทบระยะสั้น อย่างไรก็ดีประเด็นบวกในปี2565 มีความน่าสนใจ จากการคาดหมายจากงานประมูลใหม่จากภาครัฐที่มีความคืบหน้า โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ราษฎร์ บูรณะ) และงานโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง นอกจากนั้นยังมีงานรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีแดงส่วนต่อขยาย เป็นปัจจัยหนุนงานในมือและการรับรู้รายได้ในระยะยาว ทั้งนี้เราคาดงานใหม่ที่มี การเซ็นสัญญาปลายปี2564-ต้นปี2565 จะมีผลต่อผลประกอบการที่ฟื้นตัวเด่นชัดมากขึ้นใน 2H65 ราคาเหมาะสมปี2565 ที่27 บาท (วิธีSOTP)
STEC
- จุดเด่นงานในมือยังสูงรองรับรายได้ต่อเนื่อง STEC มีงานในมือปัจจุบันราว 8 หมื่นล้านบาทยังไม่รวมงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา จาก งานรถไฟทางคู่เส้นทางใหม่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของที่ STEC รับงานร่วมกับพันธมิตรคือ CK คาดได้รับงานราว 1.5 หมื่นล้านบาท และงานโครงการสนามบินอู่ตะเภา วงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท คาดหลังมีการเซ็นสัญญาจะท าให้ บริษัทมีงานในมือเข้าสู่ระดับ 1.2 แสนล้านบาท
- รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย..เป้าหมายงานใหม่ปี2565 จากแผนงานประมูลของภาครัฐ ในงานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วง และ ส้ม ที่ นับเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้งในการแข่งขันการเข้าประมูลของSTEC สำหรับงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งที่ผ่านมา STEC มีงานอยู่ระหว่างทำคืองานรถไฟฟ้าสายสีชมพูเหลือง และส้ม แสดงให้เห็นถึงการมีประสบการณ์และศักยภาพในการรับงานทั้งนี้ผลของผู้ที่ได้รับงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงคาดอยู่ในช่วงต้นปี2565 และรถไฟฟ้าสายสีส้มอยู่ในช่วงกลางปี2565 ขณะเดียวกันจะเห็นความคืบหน้าของรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาการประมูลในรูปแบบ (PPP) คาดได้ข้อสรุปราว ต้นปี2565 ซึ่งกรณีที่บริษัทไม่ได้เข้าประมูลด้วยตัวเองแต่จะมีโอกาสในการรับงานช่วงต่อได้
- คงคำแนะนำ “ซื้อ “ คาดผลประกอบการ 3Q64จะเป็นไตรมาสที่มีกำไรน้อยสุดของปี อย่างไรก็ดีเราคาดผลประกอบการใน 4Q64 จะกลับมาใกล้เคียงปกติอีกครั้ง โดยมีงานอยู่ระหว่างทำและมีความคืบหน้าเช่น งานโรงไฟฟ้าปลวกแดง งานหมอชิตคอมเพล็กซ์ โดยมองปัจจัยหนุนในปี2565 คือการกลับมาฟื้นตัวของผลประกอบการได้ชัดเจนมากขึ้น หลังปลดล๊อก โครงการรัฐสภาที่กดดันระดับอัตรากำไรขั้นต้นในปี2564 เราคงประมาณการกำไรปกติปี2565 ไว้ที่ 1.2 พันล้านบาท เติบโต51%YoY พร้อมมองประเด็นบวกจากงานประมูลใหม่เช่นงานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ซึ่งบริษัทมีการขายซองประมูลเปิดขายซองประมูล (TOR) ทั้ง 6 เส้นทางเตรียมยื่นซองประมูล 27ธ.ค ช่วยต่อยอดงานในมือและการรับรู้รายได้ในอนาคต ราคาเหมาะสมของปี2565 ที่21.50 บาท (อ้างอิง PBV-0.50SD ที่2.1 เท่า )
PYLON
- ได้รับงานใหม่จากรถไฟ 3 สนามบิน PYLON เริ่มรับงานใหม่เพิ่ม ล่าสุดได้รับงานรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน วงเงินรวม 400-500 ล้านบาท (เป็นงานค่าแรง) ซึ่งรับจากผู้รับเหมารายใหญ่ ITD คาดเริ่มเข้างานได้ในช่วง1Q65 โดยจะเห็นความคืบหน้าของงานมากที่สุดในช่วง 2Q65-3Q65(ระยะเวลาท างาน 8 เดือน)ขณะที่ยังมีงานใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาได้คืองานยกระดับพระราม 2 และ งานทางด่วนพระราม 3
- Backlog อยู่ที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท PYLON มีงานในมือปัจจุบันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งสามารถรองรับรายได้ต่อเนื่องไปถึง 3Q65 โดยมีงานในปี 2565 ที่คาดหวังคือ งานรถไฟไทย-จีน งานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วง/ส้ม/แดง โดยรถไฟฟ้าสายสีม่วง มีความชัดเจนต่อกรอบเวลาการประมูลโดยอยู่ระหว่างการขายซอง (TOR) นอกจากนั้นคาดหวังงานของภาคเอกชนเช่นงานภาคอสังหาริมทรัพย์ /Community Mall บริษัทคาดเห็นสัญญาณเชิงบวกของงานใหม่ในช่วง 2H65
- 4Q64 ผลประกอบการฟื้นตัว PYLON คาดผลกระทบจาก COVID-19 ที่มีผลต่อผลประกอบการและงานใหม่ที่ล่าช้า ได้ผ่านพ้นแล้วใน 3Q64และคาดแนวโน้มผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น ใน4Q64 ทั้งการรับรู้รายได้และระดับอัตรากำไรขั้นต้น โดยคาดผลประกอบการจะฟื้นตัวและเติบโตต่อเนื่องไปปี2565 หลังจากการเริ่มงานใหม่โครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน สามารถก่อสร้างได้
- คำแนะนำ “เก็งกำไร ” ในปี2565 จะเป็นปีที่เห็นการฟื้นตัวอีกครั้ง จากความคืบหน้าของงานประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ เช่นรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย ซึ่งเป็นความหวังของงานใหม่ที่มีความชัดเจนมากที่สุด และยังมีงานอื่นๆที่เตรียมประมูลและคืบหน้าเพิ่มคือ งานรถไฟฟ้าสายสีส้ม/แดง ส่วนต่อขยาย รวมถึงงานก่อสร้างที่คืบหน้าจากรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ส่งผลต่อการฟื้นตัวของรายได้และความสามารถในการท าก าไร เราคาดในปี2565 บริษัทจะมีรายได้ราว 1.5พันล้านบาท และมีก าไรปกติที่ 169 ล้านบาท เห็นการเติบโตกว่า 200% YoY เราประเมิน ราคาเหมาะสมปี2565 ที่ 4.90 บาท อ้างอิง (PBV -1SD ที่ 3.2 เท่า) บริษัทยังคงจุดเด่นการมีสถานะการเงินที่แข็งแรง เป็น Net Cash company
SEAFCO
- งานประมูลใหม่มีต่อเนื่อง จากงานที่เข้าประมูลโดยรวมราว 9 พันล้านบาท(ไม่รวมโครงการMegaproject) รอหนุนงานในมือปัจจุบันที่ 1.3 พันล้านบาท
- คาด3Q64 ผ่านจุดต่ำสุด บริษัทคาด 4Q64 เห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการโดยรวมทั้งรายได้และระดับมาร์จิ้น หลังแคมป์ คนงานสามารถเปิดท างานได้ และคาดไม่มีรายการพิเศษจากการตั้งสำรอง
- ปี 2565 มีความหวังจากงานโครงการใหญ่ของภาครัฐ ทั้งจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง/ส้มส่วนต่อขยาย และงานอื่นๆเช่นงานทางด่วน รถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน
- ปัญหาแรงงานอยู่ระหว่างแก้ไข มีโอกาสจ้างงานสัญชาติอื่นเพิ่มเช่นจากประเทศบังกลาเทศขณะที่คาดหวังภาครัฐให้การสนับสนุนมาตรการอื่นๆเพิ่ม
o แนะนำ “เก็งกำไร” คาด 4Q64 เห็นการฟื้นตัวขึ้นของผลประกอบการที่ไม่มีการปิดแคมป์ คนงานและสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายมากขึ้น ปัจจัยหนุนปี 2565 คืองานใหม่จากภาครัฐโดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ จากรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ /รถไฟฟ้าสายสีม่วงและส้มส่วนต่อขยาย ราคาเหมาะสม ปี 2565 ที่ 5.34 บาท (อ้างอิง PBV -1 SD ที่ 2.35 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 3.25 เท่า) โดยมีประเด็นติดตามคือแผนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และราคาวัสดุ่ก่อสร้างและราคาน้ำมันซึ่งมีผลต่อความสามารถในการทำกำไร
--------------------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1